<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การที่คริปโตไม่มีกฎหมายควบคุมเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการคริปโตภายในปีนี้คือเรื่องกฎหมาย มีหลาย ๆ ประเทศที่เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของ Cryptocurrency เนื่องจากความเร็วในการเติบโตของมันที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเองก็ตาม เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพิ่งมีกฎหมายสำหรับคริปโตเริ่มออกมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการ และดูเหมือนจะมีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์จากชุมชนคริปโตภายในประเทศ ตามมาด้วยเช่นกัน

ความเป็นจริงนั้น การที่คริปโตมีกฎหมายเข้ามาควบคุมนั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ หากคริปโตไม่มีกฎหมายควบคุมจะเป็นอย่างไร ?

คริปโตที่ไม่มีกฎหมาย

วงการคริปโตที่ไม่มีกฎหมายนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เนื่องจากพวกเขาจะมีอิสระในการทำอะไรก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาเช่น การถูกตรวจสอบและภาษี เป็นต้น แต่ทว่าจริง ๆ แล้วมันอาจมีช้อเสียมากกว่าที่คิดก็เป็นได้

การที่อุตสาหกรรมไม่ได้รับการควบคุมดูแลนั้นมีข้อเสียมากกว่าที่คิด ในมุมมองของนักลงทุนที่มีทุนมาก หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า Whales พวกเขาอาจมองว่ามันเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไปที่จะนำเงินที่พวกเขาหามาได้อย่างสุจริตนั้น ไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่มีโอกาสจะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่นการฟอกเงิน

นอกจากนี้พวกเขายังอยากลงทุนในตลาดที่มีกฎหมายคุ้มครองนักลงทุนอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันตลาดคริปโตยังไม่มีข้อนี้มากนัก หากเว็บเทรดที่ไหนที่ไม่ได้ทำการลงทะเบียนไว้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งก็มีมากมายในตลาด ปิดตัวลงไปพร้อมเงินของนักลงทุน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นที่เมื่อบริษัทนั้นทำอะไรเสียหาย ก็จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และนักลงทุนจะได้รับการชดเชย

แน่นอนว่าการที่ไม่มีกฎหมายนั้นก็ส่งผลดีต่อคริปโตเช่นกัน เนื่องจากไม่มีอะไรมาขัดขวางการเติบโตของคริปโตและเทคโนโลยี Blockchain ทำให้การเติบโตเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ไม่มีอะไรมาปิดกั้น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศเวียดนามในเดือนนี้ได้ประกาศว่าห้ามนำเข้าเครื่องขุดคริปโต แปลว่าจะมีคนขุดคริปโตในเครือข่ายน้อยลง ซึ่งแปลว่าทำให้มีการยืนยันธุรกรรมที่น้อยลง ทำให้การทำธุรกรรมใช้เวลามากขึ้นในการยืนยันเป็นทอด ๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าประเทศเดียวอาจไม่มีผลมาก แต่หากหลาย ๆ ประเทศเริ่มนำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ ย่อมส่งผลต่อเครือข่ายคริปโตทั่วโลกแน่นอน

ผลที่ตามมา

เมื่อมีนักลงทุนระดับสถาบันหรือ Whales เข้ามาในตลาดคริปโตน้อยลง มูลค่าโดยรวมในตลาดก็ไม่เติบโตเท่าที่ควร ซึ่งเงินทุนเหล่านั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักให้ตลาดต่าง ๆ เติบโตเลยก็ว่าได้

เมื่อไม่มีกฎหมายอาจมีนักลงทุนรายย่อยที่มีเงินลงทุนประมาณ 1,000 ดอลลาร์ เข้ามาซัก 10,000 คน แต่หากมีกฎหมายควบคุมอาจมีนักลงทุนระดับระดับสถาบันที่มีทุนประมาณ 100,000,000 ดอลลาร์ เข้ามา 1 คนก็เป็นได้ เมื่อลองเปรียบเทียบกันจะเห็นว่ามีมูลค่าแตกต่างกันถึง 10 เท่าเลยในกรณีนี้ ซึ่งเหตุการณ์สมมุติดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้อยู่เช่นกัน

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจากการทำให้ถูกกฎหมายคือ การเสียภาษี ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วโดยปกติหากเรามีรายได้ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นักลงทุนคริปโตนั้นได้กำไรโดยไม่ต้องเสียภาษี พอกฎหมายเสียภาษีมาถึง เลยรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบทั้งที่จริง ๆ แล้วเป็นอะไรที่จำเป็นต้องเสียโดยปกติอยู่แล้ว

สรุป

โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กฎหมายสำหรับคริปโตนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันสามารถป้องกันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ปิดกั้นไม่ให้อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตเท่าที่ควรได้ แล้วแต่ว่าผู้ออกกฎหมายในประเทศนั้น ๆ จะมีดุลพินิจอย่างไร

สิ่งที่ผู้เขียนคิดว่าเหมาะที่สุดคือการออกกฎหมายที่มีความยืดหยุ่น เหมาะสม แต่ก็ยังป้องกัน ควบคุม สร้างความเชื่อมันให้กับนักลงทุนอย่างทั่วถึงในเวลาเดียว แต่ก็ไ่ใช่สิ่งที่ง่ายเนื่องจากคริปโตนั้นเป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่ การที่จะออกกฎหมายที่เหมาะสมมาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งอาจจะต้องให้เวลากับทางรัฐบาลของแต่ละประเทศในการเก็บข้อมูล ก่อนที่จะลงมือตัดสินใจสร้างกฎหมายอะไรขึ้นมา

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น