ปัจจุบันเมื่อพูดถึง Cryptocurrency แล้วล่ะก็ เป็นไปได้ยากที่จะไม่พูดถึง Bitcoin ด้วย เนื่องจาก Bitcoin นั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ Cryptocurrency ไปแล้ว ด้วยมูลค่าโดยรวมของมันที่เป็นอันดับ 1 ในตลาดคริปโต และอิทธิพลของมันต่อเหรียญ Altcoins อื่น ๆ ทำให้มันกลายเป็นเหรียญอันดับ 1 หรือเหรียญราชาของคริปโตไปโดยปริยาย แต่คำถามคือ Bitcoin จะสามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งได้ตลอดไปหรือไม่ ?
เทคโนโลยีของ Bitcoin
หลาย ๆ คนที่เข้ามาในวงการคริปโตในช่วงปลายเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา ในช่วงที่ราคาของ Bitcoin ไปแตะจุดสูงสุด ซึ่งในช่วงนั้นเองมีปริมาณการทำธุรกรรมของ Bitcoin ที่สูงมาก ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการโอน Bitcoin รวมทั้งมีค่าธรรมเนีมที่สูงกว่าปกติหลายเท่า ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้ใช้งานตั้งคำถาม และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากต่อความสามารถของ Bitcoin
แต่เดิม Bitcoin ถูกออกแบบเพื่อเป็นตัวกลางในการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer แต่ดูเหมือนว่า เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ เครือข่ายของ Bitcoin ไม่สามารถรองรับได้ไหว ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่มันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยปกติแล้วกาารทำธุรกรรมด้วย Bitcoin ควรเสร็จสิ้นภายในไม่กี่สิบนาที แต่เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้นปรากฎว่า ใช้เวลาในการทำธุรกรรมหลายชั่วโมง หรือในกรณีกินเวลเป็นวันเลยก็มี
ด้วยประการดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้งานบางคนหันไปใช้เหรียญอื่นในการทำธุรกรรมแทน Bitcoin เช่น XRP, IOTA, ETH หรือ LTC ที่มีถูกออกแบบมาให้มีความเร็วในการทำธุรกรรมที่มากกว่าพร้อมทั้งมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
แต่ดูเหมือนว่า กลุ่มนักพัฒนา Bitcoin ก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด พวกเขาวางแผนไว้ในต้นปีว่า จะสร้าง Lightning Network บนเครือข่าย Bitcoin ขึ้นมา โดยจะเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมของ Bitcoin จากเดิม 7 ธุรกรรมต่อวินาที เป็น 1,000,000 ธุรกรรมต่อวินาที
อย่างไรก็ตามมันยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งานจริง ยังเป็นเพียงช่วง Beta หรือช่วงทดลองเท่านั้น ซึ่งไม่การเผยรายละเอียดแต่อย่างใดว่าจะเปิดใช้งานจริงเมื่อไร โดยตอนนี้ Lightning Network คือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของ Bitcoin ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาด้านการ Scaling
ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งสาเหตุที่ Bitcoin ถูกเรียกว่าเป็นราชาของ Cryptocurrency เนื่องจากมันมีส่วนแบ่งในตลาดคริปโตมากที่สุด ส่วนแบ่งดังกล่าวถูกชี้วัดด้วยสิ่งที่เรียกว่า BTC Dominance
อ้างอิงจาก Coinmarketcap BTC Dominance จะคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าโดยรวมของ Bitcoin เปรียบเทียบกับมูลค่าทั้งตลาดคริปโต
ในขณะที่รายงานอยู่นี้ BTC Dominance อยู่ที่ 46.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับในอดีตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะพบว่า ค่าดังกล่าวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมปี 2015 จะพบว่า BTC Dominance อยู่ที่ 85.89 เปอร์เซ็นต์, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมปี 2016 BTC Dominance อยู่ที่ 80.53 เปอร์เซ็นต์, เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมปี 2017 BTC Dominance อยู่ที่ 47.23 เปอร์เซ็นต์
จากตัวเลขของค่าดังกล่าวที่ลดลง แสดงให้เห็นว่า Bitcoin มีส่วนแบ่งในตลาดน้อยลงเรื่อย ๆ เงินเริ่มไหลจาก Bitcoin ไปสู่ Altcoins ตัวอื่น ๆ ซึ่งอาจจะแสดงให้เห็นว่า Bitcoin มีอิทธิพลน้อยลงเรื่อย ๆ
สรุป
จากเหตุผลทั้งด้านเทคโนโลยีของ Bitcoin ที่อาจมีความล้าสมัยกว่าคริปโตตัวอื่น ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาและนำข้อเสียของคริปโตตัวแรก ๆ มาปรับปรุง พร้อมทั้งส่วนแบ่งในตลาดที่น้อยลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี อาจบ่งบอกได้ว่ามูลค่าของ Altcoins ตัวอื่น ๆ นั้นเริ่มตามหลัง Bitcoin มาเรื่อย ๆ ด้วยความรวดเร็ว
หาก Bitcoin ยังคงมีสภาพเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการปรับปรุงในด้านของเทคโนโลยี หรือมีการร้างมูลค่าเพิ่มเติมในตัวของมันเอง อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าอาจมี Altcoins ตัวอื่น ๆ ที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่า Bitcoin มาแทนที่ และอาจมีการเปลี่ยนบัลลังก์เกิดขึ้นภายในวงการคริปโตก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น