<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

White Paper ของ Bitcoin ให้อิสรภาพแก่พวกเรา เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งมันไป

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คุณ Charlie Shrem หนึ่งในผู้ริเริ่มใช้ Bitcoin และอดีตผู้ก่อตั้ง BitInstant และผู้ร่วมก่อตั้งการให้บริการคริปโตเคอร์เรนซี CryptoIQ ให้สัมภาษณ์กับทาง Coindesk ในหัวข้อ Bitcoin at 10: The Satoshi White Paper ดังนี้

10 ปีหลังจากที่ Satoshi เผยแพร่ white paper ที่ให้กำเนิด Bitcoin จนกลายเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นมาใหม่ ผมยังคงรู้สึกประหลาดใจกับพลังในการเปลี่ยนแปลงของมัน

เนื่องจากเงินเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของชีวิตและมีบทบาทที่สำคัญกับชีวิตผมทั้งดีและไม่ดี Bitcoin เปรียบเสมือนการปลุกยักษ์ให้ตื่นเพราะมันเป็นสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเงินตลอดกาลและที่สำคัญไปกว่านั้นคือเงินนี่แหละคือที่มาของอำนาจ

สำหรับผมแง่มุมที่สำคัญของ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีคือบทบาทของมันในการกระจายอำนาจไปสู่ประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งที่ Satoshi ได้ทำคือเขาทำให้เงินมีความเป็นประชาธิปไตย หมายความว่าเงินได้ถูกส่งไปยังทุก ๆ คนที่มีชีวิตอยู่และคนรุ่นต่อไป ปัจเจกบุคคลล้วนมีเสรีภาพ

สิ่งนี้มันเป็นจุดเปลี่ยนของอำนาจจากการที่อำนาจกระจุกตัวอยู่เพียงแค่ชนกลุ่มน้อยกลายเป็นกระจายอำนาจไปสู่คนทั่วไปเปรียบเทียบได้กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เช่น การถือกำเนิดของประชาธิปไตยโดยตัวมันเอง การสร้างสิ่งพิมพ์และยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอคือไม่มีอะไรได้มาฟรี เราได้รับอิสรภาพจากการใช้ Bitcoin ก็จริงแต่เราก็สูญเสียความมั่นคงเพราะมีคนอื่นคอยรับผิดชอบในการปกป้องเงินของเราอยู่

แต่อะไรเป็นสิ่งที่คุณปรารถนา คุณควรที่จะสามารถใช้เงินไปกับสิ่งที่คุณคิดว่ามันเหมาะสมและรู้ว่ามันปราศจากความคิดแปลก ๆ ของผู้นำทางการเมือง หรือคุณรู้สึกสบายใจกว่าที่รู้ว่าแม้คุณไม่รอบคอบแต่ก็มีคนอื่นดูแลเงินทั้งหมดของคุณให้

นี่เป็นเหตุผลที่ผมเป็นนักเรียนที่กระตือรือร้นในการศึกษาประวัติศาสตร์เพราะมันเป็นทางลัดที่จะทำให้เราเข้าใจถึงธรรมชาติของมนุษย์และมันทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าผมควรที่จะใช้โอกาสที่มีในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตผมด้วยตัวของผมเอง

กรณีการใช้งานจริง

ในปัจจุบันคุณแทบจะไม่ต้องศึกษาจากอดีตเพราะมันมีข่าวออกมาตลอด 24 ชั่วโมงทำให้เรารู้ถึงวิกฤติเศรษฐกิจตามข่าวต่าง ๆ ที่เผยแพร่ออกมา เรากำลังเห็นช่วงเวลาของการล่มสลายทางการเงินในระดับชาติแบบ real time

ลองดูกรณีศึกษาจากประเทศเวเนซุเอลาเพื่อดูสังคมในช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายทางการเงิน ผู้คนหิวโหย ไม่มีอันจะกินในขณะที่ผู้นำของตนยังคงเจริญรุ่งเรืองและอัตราเงินเฟ้อก็ดูเหมือนเป็นจำนวนที่สร้างขึ้น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อต่อปีของเวเนซุเอลาจะพุ่งสูงถึง 13,000 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นสิ่งที่น่าตกใจเพราะหากดูจากข่าวในส่วนอื่น ๆ ของโลกจะพบว่าการเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ระหว่าง 4 หรือ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พวกเราทุกคนเคยได้ยินข่าวหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประเทศเยอรมันและผู้คนจำนวนมากใช้เงินเพื่อซื้อขนมปัง อีกนับศตวรรษต่อมาผู้คนยังคงต้องทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ

Bitcoin อาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างในเวเนซุเอลาถ้าหากพวกเขารู้สักนิดว่า Bitcoin กำลังจะเข้ามาและพวกเขาควรที่จะซื้อหรือมีความคิดที่จะซื้อ Bitcoin หรือสกุลเงินอื่น ๆ ที่ไม่ขึ้นอยู่กับสกุลเงิน bolivar ของตน

กรณีศึกษาจากตุรกีในช่วงแรกที่เกิดการล่มสลายทางการเงิน ประเทศกำลังต่อสู้กับหนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสองหลักและค่าเงินที่ลดลง ชาวตุรกีต่างลนลานปล่อยเหรียญ lira เพื่อไปยึดมูลค่าอื่น ๆ เท่าที่พวกเขาจะทำได้ หลาย ๆ คนตัดสินใจที่จะซื้อสกุลเงินของประเทศอื่นและผู้คนอีกหลายคนก็ตัดสินใจซื้อ Bitcoin และสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ

จากการสำรวจผู้คน 15,000 คนของ Statistica พบว่าประมาณ 1 ใน 5 ของคนตุรกีนั้นถือครองคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดที่พบว่ามีการใช้คริปโตเคอร์เรนซีเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่ทำการสำรวจ Bitcoin ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงตุรกีอย่างมากมาย

พิจารณาสังคมในช่วงแรกของการล่มสลายเช่นนี้ ลองดูกรณีศึกษาจากสหรัฐอเมริกา มีผู้คนไม่กี่คนที่ตระหนักว่าการเงินของพวกเขาจะเป็นไปในทิศทางไหนหลังจากมีนโยบายทางการเงินเงินเฟ้อและการใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน คนเหล่านี้แหละที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าเป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินใหม่และเป็นวิกฤติที่ใหญ่สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา Bitcoin กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงสหรัฐอเมริกาก่อนที่วิกฤติเหล่านั้นจะเกิดขึ้น

เงินกระดาษกำลังหมดไป

เราทุกคนล้วนแต่ตระหนักดีว่าเงินเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ ถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อเรา เราก็ต้องสร้างมัน ผมเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้จากในคุก

แม้จะมีกฎและลวดหนามมากมาย นักโทษก็ยังสามารถสร้างเงินเพื่อเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าได้ เป็นเศรษฐกิจของตลาดมืด ทุก ๆ อย่างตั้งแต่การบริการส่วนบุคคล เช่น weight training หรือจดหมายที่เขียนขึ้นเพื่อสั่งอาหารที่ทำขึ้นเป็นพิเศษซึ่งมีจำนวนจำกัดหรือแม้กระทั่งอาหารที่เก็บไว้ได้นานก็มีให้สั่งซื้อกัน

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า Bitcoin ก็ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ทางการเงิน ผู้คนล้วนคิดค้นสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอและ Bitcoin ก็เป็นการคิดค้นที่ใช้ตรรกะมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง Bitcoin มันเกิดจากการที่คนถูกขังอยู่ในระบบที่ทำให้พวกเขามีความเสียเปรียบเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้มีอำนาจเป็นระบบที่อนุญาตให้ผู้ที่ปกครองเงินขโมยเงินจากคนที่หาเงินมาได้ด้วยตัวเองเพื่อเก็บไว้ให้ตัวเขาและครอบครัว

อีกครั้งที่คุณไม่จำเป็นต้องมีหนังสือประวัติศาสตร์เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อรัฐบาลสะเพร่าหรือแม้กระทั่งมีเจตนาไม่ดีต่อนโยบายการเงิน เมื่อผู้นำละทิ้งหน้าที่ในการปกป้องไม่เพียงแต่สกุลเงินของประเทศเท่านั้นแต่ยังเพิกเฉยต่อหน้าที่ในการปกป้องมูลค่าของมัน สิ่งที่เราต้องรู้จากประวัติศาสตร์ก็คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งมันจะเกิดขึ้นอีกครั้งซึ่งก็กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

การพึ่งพาผู้อื่นในการดูแลเราด้วยค่าใช้จ่ายของเสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบได้เติบโตขึ้นจนถึงจุดที่เมื่อผู้คนอยู่ภายใต้การควบคุมของปัจเจกบุคคลและองค์กรที่ไม่เคยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบุคคลอื่นก่อนตัวเอง

Bitcoin มาพร้อมกับผลตอบแทนที่ดีและความเสี่ยง แต่สกุลเงินประจำชาติของคุณมัน fiat กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องและมีความเสี่ยงที่มากกว่า ผมเชื่อเช่นนั้น สำหรับผม Bitcoin มันคือการมอบกุญแจไปสู่อนาคตให้กับคนอื่นและภาวนาให้พวกเขาโชคดี

ที่มา coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น