อ้าอิงจาก Bangkok Post ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกำลังเรียกร้องให้ประเทศไทยมีกฏหมายที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับคริปโต
ถึงแม้ประเทศไทยจะประกาศใช้พ.ร.ก. ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ดร.วิษณุ ก็ยังคงเร่งให้หน่วยงานต่าง ๆ มีมาตรการใหม่ ๆ เพื่อใช้สำหรับภายในและภายนอกประเทศ โดยต้องการที่จะให้กฏหมายสามารถตามกลยุทธ์หรือวิธีการใหม่ ๆ ที่จะสามารถทำให้ผู้บริโภคเกิดความเสียหายได้
เขาได้กล่าวในงานประชุมการต่อต้านการก่อการร้ายทางการเงินว่า ผู้เชี่ยวชาญในประเทศไม่ควรจะพอใจกับ Protocol ด้านความปลอดภัยในปัจจุบันหากต้องการที่จะตามผู้ก่อการร้ายที่อาจจะใช้คริปโตในการโจรกรรม หรือฟอกเงินให้เท่าทัน รวมทั้งความท้าทายด้านอื่น ๆ เช่นความไร้ตัวตนของสินทรัพย์ดิจิทัลอีกด้วย
“กฏหมายต้องได้รับการแก้ไขในอนาคตเพื่อให้สามารถไล่ตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีให้ทัน”
นอกเหนือจากกรอบกฏมายสำหรับคริปโตแล้ว ประเทศไทยได้เปิดโอกาสให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ในประเทศสามารถเข้าสู่วงการคริปโตได้ ถึงแม้จต้องทำตามกฎระเบียบบางอย่างก็ตาม เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) ได้สั่งห้ามไม่ให้ธนาคารในประเทศจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อที่จะยุ่งเกี่ยวกับคริปโต
หน่วยงานอื่น ๆ ในประเทศไทยก็เริ่มยอมรับ Blockchain มากขึ้นแล้วเช่น กรมสรรพากรในไทยเล็งใช้ Blockchain ในการต่อกรกับการหนีภาษี และกล่าวย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นครั้งแรก หรือสมาคมตราสารหนีไทยเปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการจดทะเบียบพันธบัตรโดยใช้ Blockchain เช่นกัน
สถานการณ์ด้านกฏหมายในวงการคริปโตของประเทศไทยนั้น โดยภาพรวมแล้วถือว่าล้ำหน้าไปไกลกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ๆ เนื่องจากมีกฏหมายครบวงจร รวมทั้งก.ล.ต. ก็เพิ่งเผยถึงความคืบหน้าด้วยว่า บริษัทในไทยอาจเริ่มระดมทุนผ่าน ICO อย่างถูกกฏหมายได้ในเดือนธันวาคมนี้
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยก็ได้ออกมาเตือนว่า Bitcoin นั้นมีความเสี่ยง และสั่งกระทรวงการคลังให้ความรู้ประชาชน
ที่มาภาพ ไทยรัฐ
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น