<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ตอนนี้คือจังหวะที่ Bitcoin “ไม่รุ่งก็ร่วงเลย”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ค่อนข้างย่ำแย่สำหรับตลาดคริปโต หากเปรียบเทียบกับเมื่อปี 2017 ที่ราคาของคริปโตหลากหลายสกุลพุ่งขึ้นไปหลายสิบเท่า แต่ในปีนี้กลับมีมูลค่าลดลงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นส่วนใหญ่จากราคาสูงสุดที่มันเคยทำได้ ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันมากมายว่าเป็นเพราะอะไร

เว็บไซต์ข่าวด้านเศรษฐกิจชื่อดัง Bloomberg เผยว่านาย Tyler Cowen ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย George Mason University ได้เขียนบทความแสดงความเห็นว่า การที่ตลาดคริปโตเข้าสู่ขาลงนั้นอาจจะเป็นประโยชน์กับมันเองก็ได้ เนื่องจากมันจะเป็นฐานสำหรับบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นในอนาคต

เขาได้อ้างอิงการที่ฟองสบู่ดอทคอมแตกเมื่อปี 2000 ว่า ถึงแม้อะไรหลาย ๆ อย่างจะดูเลวร้ายในตอนนั้น แต่ก็มีแฝงอะไรดี ๆ ไว้อยู่

“หุ้นของบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตร่วงลงในเหตุการณ์ฟองสบู่ดอทคอมเมื่อปี 2000 ถึง 2002 มันทำให้บริษัทแย่ ๆ นั้นถูกลบออกจากตลาดไป และเป็นจุดเริ่มต้นของการทะยานของ Amazon และ Google”

เขาได้อธิบายต่อว่า ราคาที่ร่วงลงนั้นไม่ได้สะท้อนว่าเทคโนโลยีนั้นหมดความสำคัญ หรือจะไม่มีการพัฒนาต่อแล้ว และได้ชี้ว่าการที่ตลาดคริปโตเติบโตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยที่ดึงดูดโปรเจกต์ “ห่วย ๆ” เข้ามาในตลาดด้วยการระดมทุน ICO

ในขณะที่คริปโตสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่นการทำธุรกรรมข้ามประเทศ หรือการสร้าง DApps แต่ก็ยังมีคนหลายกลุ่มที่เห็นว่ามันยังคงมีข้อเสียอยู่ เนื่องจากสามารถนำไปฟอกเงิน และใช้ในการค้ายาได้

นาย Cowen ปิดท้ายด้วยความเห็นของเขาต่อ Bitcoin ว่าในตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงที่ถ้าไม่ “รุ่งก็ร่วงเลย”

“ลองคิดว่า ตอนนี้ Bitcoin และคริปโตสกุลอื่น ๆ เป็นบริษัทที่กำลังถูกทวงหนี้อยู่ ผมก็มองมันในแง่บวกเสมอนะ แต่ว่าตอนนี้มันถึงจังหวะที่ถ้าไม่รุ่งก็ร่วงแล้ว และผมหวังว่าวกฤติครั้งนี้จะออกมาดี”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอีกคนหนึ่งนาม Nouriel Roubini ได้กล่าวหาว่า ความ Decentralized ของคริปโตนั้นเป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้น และเคลมว่าไม่มีระบบ, สกุลเงิน หรือ Protocol ไหนสามารถอยู่ในระบบ Peer-to-peer ได้

ปัจจุบันราคาของ Bitcoin นั้นได้ร่วงลงมาจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 20,000 ดอลลาร์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ลงมาเหลือแค่ 6,400 ดอลลาร์เท่านั้น อีกทั้งมูลค่าตลาดรวมที่หายไปมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ ‘เป็นแมลงเม่า’ และได้ถูกสลัดให้หายออกจากตลาดไป แต่กระนั้นตัวเลขดังกล่าวก็ยังสูงกว่าจุดต่ำสุดของราคา Bitcoin ในปี 2016 ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 200 ดอลลาร์ นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่า Bitcoin นั้นได้มาไกลกว่าเดิมมาก แต่อย่างไรก็ตามคำถามที่ตามมาก็คือ

นี่ใช่จุดต่ำสุดแล้วจริงหรือ?

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น