มีเครื่องขุด Bitcoin ที่ถูกผลิตในปี 2018 เหลือเพียง 5 เครื่องที่ยังขุดได้กำไรอยู่
ในปี 2018 ถือเป็นอีกปีที่วงการการขุดคริปโตก้าวไกลไปมาก ได้เครื่องขุดใหม่ ๆ ที่มีกำลังขุดมากกว่าเดิม แต่ใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม ออกมามากมาย และในตอนนี้ไม่ได้มีเพียง Bitmain บริษัทผลิตเครื่องขุดยักษ์ใหญ่ เจ้าเดียวที่ครองตลาดแล้ว เริ่มมีหน้าใหม่เข้ามาขายเครื่องขุดมากขึ้น
ถึงแม้จะเครื่องขุดจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ด้วยราคาที่ร่วงลงอย่างหนักของ Bitcoin ทำให้ในตอนนี้เหลือเครื่องขุดแบบ ASIC เพียง 5 เครื่องเท่านั้นที่ยังขุดได้กำไรอยู่
อ้างอิงข้อมูลจาก Asicminervalue.com เว็บไซต์ดังกล่าวได้ทำการคำนวณถึงต้นทุนค่าไฟ, ค่า Difficulty, รางวัลต่อ Block และราคา Bitcoin เพื่อเทียบให้ดูว่าเครื่องไหนยังได้กำไรอยู่
ผู้เหลือรอด
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา เครื่องขุดจาก Ebang, Asicminer, Innosilicon และ Bitmain เป็นเครื่องขุดที่ยังได้กำไรอยู่ โดยเครื่องขุดที่ได้กำไรมากที่สุดคือของ Ebang Ebit E11++ ที่มีกำลังขุด 44 TH/s และกินพลังงาน 1,980W มันมีราคาอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์ และในตอนนี้ได้กำไรประมาณ 1.39 ดอลลาร์ต่อวัน
หนึ่งในนั้นมี Innosilicon T3 อีกด้วยที่เคลมว่าจะมีกำลังขุดถึง 43 TH/s ซึ่งยังไม่ได้เปิดขาย อ้างอิงจากบริษัท มันจะเปิดจำหน่ายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ในราคา 2,500 ดอลลาร์ต่อเครื่อง โดยมันจะได้กำไรประมาณ 0.84 ดอลลาร์
เครื่องขุดที่ได้กำไรน้อยที่สุดคือ Bitmain Antminer S15 ซึ่งมีกำลังขุดอยู่ที่ 28 TH/s แต่กินพลังงาน 1,596W และได้กำไรต่อวันอยู่ที่ 0.27 ดอลลาร์
เครื่องที่ขาดทุน
เครื่องขุดส่วนใหญ่ที่วางขายมาก่อนหน้านี้ กลับพบกับการขาดทุนอย่างเห็นได้ชัด เช่นของ Halong Mining ที่กระแสดีมาก ๆ ในต้นปี, ของ Innosilicon (รุ่น T2, A4+, A5) , ของ Canan หรือของ Bitmain รุ่นเก่า ๆ ก็ขาดทุนหมดวันละประมาณ 1 ถึง 2 ดอลลาร์ทั้งหมดเช่นกัน
จากข้อมูลทั้งหมดนี้อาจชี้ให้เห็นว่า นักขุด Bitcoin รายย่อยทั่วไปที่ไม่ได้มีค่าไฟที่ถูกกว่าปกติ จะขาดทุนอย่างแน่นอน ผู้ที่เหลืออยู่อาจมีแต่เหมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่า เครื่องขุด Bitcoin กว่า 6 แสนเครื่องถูกดึงปลั๊กออกหลังจากที่ราคาร่วงลงอย่างหนัก และมีนักขุดชาวจีนออกมารายงานว่า ได้ทำการชั่งกิโลขายเครื่องขุดอีกด้วย เนื่องจากสู้ตลาดขาลงไม่ไหว
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น