เมื่อราคา Bitcoin พังทลายลงในปี 2018 นักวิเคราะห์หรือนักข่าวก็ออกมากล่าวว่านั่นถึงจุดจบของเงินดิจิทัลแล้ว หลายคนก็ให้ความสนใกับ Ecosystem ของการขุดเหรียญ Bitcoin และหลายคนก็มองว่า SEC สหรัฐฯ เคร่งมากเกินไปเกี่ยวกับคริปโตรวมไปถึง Bitcoin
ถึงกระนั้นผู้ที่ศรัทธาในคริปโตก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเช่นนาย Alex Pack พาร์ทเนอร์ของบริษัท Dragonfly Capital Partners ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Forbes ว่า BTC ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในปี 2018 นี้ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ได้สะท้อนความเชื่อมั่นเลย
นาย Pack อธิบายว่าในขณะที่ BTC อาจลดลงถึง 2,000 ดอลลาร์หรือแม้กระทั่ง 1,000 ดอลลาร์ มันเป็นสิ่งผิดปกติมากถ้าราคามันจะเหลือ 0 ดอลลาร์ เพราะคริปโตนั้นกำลังพัฒนาตัวเองด้านมูลค่าในตัวของมันอยู่
นาย Pack อธิบายว่า “Bitcoin กลายเป็นสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์ด้านการเงินที่สามารถเก็บมูลค่าของมันได้ Bitcoin มีค่าดั่งทองคำดิจิทัล เพราะมันอิสระจากทุกสิ่งเช่นการ Censor หรือมีความเป็น Decentralized” นาย Ryan Selkis CEO ของ Messari กล่าวถึง Bitcoin ว่า:
“Bitcoin คือสิ่งสำคัญในประวัติศาสตร์การเงิน มันจะเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่เชื่อถือได้ และผู้ใช้งานมั่นใจว่ามันจะมีราคาไม่ตกลงไปถึง 0 ดอลลาร์”
Bitcoin ไม่ใช่สิ่งเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
นาย Peck กล่าวถึงการพัฒนาในปี 2018 นั้นทำให้เป็นการเพิ่มรากฐานให้กับ Bitcoin เป็นอย่างมาก โดยเขาดึงความสนใจไปที่การเปิดตัว Bitcoin Futures ของตลาดหลักทรัพย์ New York หรือจาก Nasdaq
นักลงทุนเคลมว่าการที่ตลาดกระทิง Bitcoin ที่อยู่ในปี 2017 นั้นทำให้เกิดผลกระทบดานบวกในระบบ Ecosystem และนี่อาจทำให้ Bitcoin ไม่ได้เป็นการลงทุนเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป ตอนนี้ Bitcoin จะอยู่ในทุก ๆ แพลตฟอร์ม โดยเขากล่าวว่า:
“คำถามในตอนนี้ก็คือ เราจะอยู่ในช่วงตลาดขาลงอีกนานไหม และเมื่อไรจะจบ ผู้คนล้มตายจากการที่ราคาร่วงลดลงเป็นอย่างมากถ้าเทียบในช่วงก่อนหน้านี้ ผู้ที่อยู่ในตอนนี้มีความอดทนมากและผมคิดว่าเราจะฟันฝ่าพายุนี้ไปได้”
ถึงแม้ราคา Bitcoin จะลดลงแต่แต่ธุรกิจ Startup ด้าน Blockchain ก็ยังคงหลั่งไหลเข้ามาแต่น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้วอยู่ดี และก็มีนักลงทุนวัยเยาว์นาย Erik Finman ที่เคยเชื่อมั่นในตัว Bitcoin เมื่อปีที่แล้ว ได้ออกมากล่าวในเชิงลบว่า “Bitcoin จะตายในระยะยาว”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น