อ้างอิงจาก Livebitcoinnews เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นาย Nick Szabo ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต ได้กล่าวว่า Bitcoin และคริปโตนั้นจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อประเทศที่เศรษฐกิจหรือการเงินมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่นประเทศที่ถูกคว่ำบาตร เป็นต้น
การใช้งานคริปโตโดยรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ ก็ได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งในรัสเซียเผยว่า “รัฐบาลมีแผนที่จะเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ และนำเงินไปลงทุนใน Bitcoin แทน ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้” เพื่อที่จะต่อกรกับการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
นาย Szabo ยังได้คาดการณ์อีกด้วยว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นจะหันมาถือคริปโตสำรองแทน เช่นเดียวกับการที่พวกเขาถือทองคำสำรองไว้
สาเหตุที่เขาเชื่อแบบนั้นเพราะว่า ในอนาคตรัฐบาลของแต่ละประเทศนั้นจะเริ่มเชื่อใจกันน้อยลงเรื่อย ๆ:
“มันจะมีสถานการณ์ที่ธนาคารกลางไม่เชื่อใจธนาคารกลางต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ของรัฐบาลอื่นเป็นต้น หนึ่งในวิธีแก้ที่กำลังใช้งานอยู่คือให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เข้ามาช่วยจัดการ แต่มันไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความเชื่อใจเลย เนื่องจากรัฐบาลสวิตนั้นก็ตกเป็นเป้าที่โดนกดดันทางการเมือง ทำให้วิธีการที่จะเชื่อใจกันได้จริง ๆ นั้นคือการใช้ Cryptocurrency”
นอกจากนี้ เขายังชี้จุดแข็งอีกอย่างของ Bitcoin ถ้าเปรียบเทียบกับทองด้วยว่า:
“ทองคำนั้นยังมีช่องโหว่อยู่ แต่ Bitcoin นั้นไม่มี”
เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักลงทุนสาย VC ชื่อดังก็ได้ออกมาเคลมเช่นกันว่า “Bitcoin กำลังจะมาแทนที่ทองคำในด้านตัวเก็บมูลค่า” เนื่องจากจะถูกไว้วางใจมากที่สุด
เมื่อเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา อดีตผู้บริหารของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง JP Morgan เองก็ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยเช่นกันว่า “Bitcoin นั้นเข้าใกล้ความเป็นทองคำดิจิทัลขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกวัน”
ที่มาภาพ Bitcoinist.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น