<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการคริปโตเคอเรนซี่เป็นใบที่ 17 ครั้งแรกในรอบปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นเวลาหนึ่งปีผ่านมาแล้ว ที่หน่วยงานผู้ออกกฎหมายด้านการเงินในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Financial Services Agency (FSA) ได้ให้อนุญาตบริษัทในการประกอบธุรกิจด้านผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญ Bitcoin และอื่น ๆ สามารถเปิดในญี่ปุ่นได้ เว็บ Coincheck ที่ถูกแฮ็คเมื่อปีที่แล้ว ได้กลายมาเป็นบริษัทที่ 17 ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ โดยเว็บดังกล่าวนั้นได้มีการปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องเป็นจำนวนมากหลังจากถูก Monex Group ซื้อไป

FSA อนุมัติ Coincheck

ผู้ออกกฎหมายด้านการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น FSA ได้ออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าพวกเขาได้ออกใบอนุญาตให้กับ Coincheck ว่าเป็นเว็บเทรดคริปโตภายใต้กฎหมาย Payment Service Act ที่เว็บผู้ให้บริการด้านดังกล่าวทุกเว็บในประเทศนั้นจะต้องยื่นขอใบอนุญาตตัวนี้จาก FSA

บริษัทแม่ของ Coincheck นามว่า Monex Group ยังได้ประกาศข่าวในวันเดียวกันถึงรายละเอียดเกี่ยวกับใบอนุญาต โดยมีใจความว่า

“Coincheck Inc … ได้ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้ทำการลงทะเบียนกับ Kanto Financial Bureau ว่าเป็นเว็บเทรดที่ทำตามกฎของ Payment Service Act เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2019”

โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ของ FSA นั้น Coincheck ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตทั้งหมด 9 ตัวด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย BTC, ETH, ETC, LSK, FCT, XRP, XEM, LTC, และ BCH

หลังจากที่เว็บของพวกเขาถูกแฮ็คเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ทาง Coincheck จึงหยุดให้บริการดังกล่าวเพื่อ “โฟกัสไปที่การพัฒนาการบริหารภายในองค์กร ด้วยการสร้างแผนการพัฒนาธุรกิจใหม่และนำมันมาปรับใช้” กล่าวโดยทางบริษัท และภายหลังจากนั้นบริการด้านการซื้อขายเหรียญคริปโตทั้งหมดก็ถูกเปิดใหม่อีกครั้งในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2018 รวมถึงการเทรด, การโอน, การซื้อและขาย

ก่อนหน้านี้ทาง coincheck ได้ยื่นขอใบอนุญาตดังกล่าวไปกับทาง FSA เมื่อเดือนกันยายนปี 2017 และเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ทาง FSA ก็ได้อนุมัติไปแล้วทั้งหมด 16 เว็บ แต่ก็ยังคงเฝ้าดู Coincheck อยู่

ในขณะเดียวกันย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทางหน่วยงานผู้ออกกฎหมายด้านตลาดหลักทรัพย์อย่าง ก.ล.ต. ก็ได้ออกมาประกาศออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นเดียวกัน โดยมีทั้งหมด 4 บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตที่ว่านี้ไป ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) เว็บไซต์ bx.in.th, บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) เว็บไซต์ bitkub.com, บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( Satang Pro) เว็บไซต์ satang.pro และ บริษัท คอยส์ ทีเอช จำกัด (Coins TH) เว็บไซต์ coins.co.th

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเผยให้เห็นว่าวงการ Cryptocurrency ที่ได้เติบโตมาจนมีอายุถึง 10 ปีนั้น สามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้จนเป็นที่ยอมรับโดยหน่วยงานรัฐบาลแล้ว

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น