หลังจากที่เว็บเทรดสัญชาติไทยอย่าง Coin Asset ถูกก.ล.ต. ปฏิเสธการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ในวันที่ 15 มกราคมทาง Coin Asset ก็ได้ออกแถลงการณ์ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ออกแถลงการณ์
อ้างอิงจากเว็บสยามรัฐ ได้รายงานว่าทางเว็บ Coin Asset ได้ออกแถลงการณ์ในเหตุการณ์ที่ทางก.ล.ต. ปฏิเสธการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไป ทาง Coin Asset จึงชี้แจงกับทางลูกค้าว่า:
“ระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าในระบบ มีความปลอดภัยตามที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ระบบการทำความรู้จักตัวตนของลูกค้า หรือ KYC (Know Your Customer) ของบริษัทเอง ก็มีการตรวจสอบข้อมูลไปยังธนาคารในประเทศไทย อีกทั้งในส่วนการปราบปรามการฟอกเงิน ทางบริษัทก็มีการเฝ้าระวังการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ หากพบธุรกรรมที่มีความผิดปกติก็จะมีการขอคำชี้แจงจากลูกค้าและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนผู้บริหารในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน หรือ CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งมีภาระรับผิดชอบในส่วนงานดังกล่าวข้างต้น ทำให้มีผลต่อการพิจารณาให้ใบอนุญาต ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากความบกพร่องของระบบแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้บริหารท่านใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ เป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่ามีคุณภาพและมีศักยภาพสูงเพียงพอ โดยมีประสบการณ์ในด้านการเงินและการลงทุนมาแล้ว ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในส่วนงานดิจิทัลแบงก์กิ้งของธนาคารอันดับต้นของเมืองไทย”
กลับมาอีกครั้ง
ทาง Siam Blockchain ได้สัมภาษณ์คุณศิวนัส ยามดี ผู้ก่อตั้ง Coin Asset ในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเขาได้ให้คำตอบว่า:
“เราจะทำการย้ายฐานไปยังต่างประเทศชั่วคราว ซึ่งเป็นประเทศที่เราจดทะเบียนเอาไว้ และจะไม่เปิดเทรดคู่ Thai Baht อีกแล้ว และจะดำเนินการขอ License ใหม่อีกครั้งหนึ่ง”
โดยทางคุณศิวนัส ยังกล่าวต่ออีกว่า:
“เรามีนักลงทุนมากมาย และมีคนลงทุนในเหรียญ JFIN Coin มากกว่า 5,000 คน ดังนั้นทาง Coin Asset จำเป็นที่จะต้องหาช่องทางให้กับนักลงทุนที่อยู่บนเว็บเราในอนาคตอีกด้วย”
และเมื่อถามเรื่องการยื่นขอ License ใหม่อีกครั้งทางคุณศิวนัส กล่าวในเรื่องนี้ว่า:
“เราได้รับการติดต่อจากทางก.ล.ต. ให้เข้าไปเสนอใหม่อีกรอบในวันศุกร์นี้ พร้อมทั้งบอร์ดผู้บริหารใหม่ยกเซตเลยครับ”
และถ้าหากว่าการขอ License รอบสองนั้นยังไม่สำเร็จทางคุณศิวนัสได้กล่าวในประเด็นนี้ว่า:
“ทางเราคงพิจารณาตัวเองแล้วว่าเราอาจไม่เหมาะในการทำธุรกิจนี้ และอาจย้ายไปทำที่ประเทศอื่นแทน”
สุดท้ายทางทีมงานได้ถามถึงอนาคตของวงการคริปโตในประทศไทย โดยเขาได้ให้ตอบว่า:
“ผมมองว่าวงการคริปโตในไทยกำลังไปได้ด้วยดี เพราะทางก.ล.ต. ไทยนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมากนั่นเอง”
Bitkub และ Satang Pro เข้าช่วยเหลือ
หลังจากที่ Coin Asset ประกาศออกไปไม่นาน เว็บเทรดคริปโตสัญชาติไทยอย่าง Satang Proและ Bitkub ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เปิดให้บริการต่อไปได้ จึงประกาศตามหลังว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วย
ทางฝั่งของ Satang Pro ก็ได้ประกาศว่า จะรองรับเหรียญ JFIN ให้ผู้ใช้งานจาก Coin Asset มาฝากไว้ที่ Satang Pro ก่อนได้ ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่ลิสต์ JFIN ก็ตาม
ทางฝั่งของ Bitkub ได้จัดแคมเปญใหม่ว่า ผู้ใช้งานใหม่ที่สมัครในวันที่ 14 มกราคม ถึง 14 กุมภาพันธ์นี้ จะได้รับค่าธรรมเนียมในการเทรด (Fee Credits) สูงสุด 500 บาท ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่า ได้ผ่านขั้นตอนการอัปเกรดบัญชี, เทรดครั้งแรก, ฝากเงิน หรือฝากคริปโตไปหรือยัง
ปัจจุบัน Coin Asset จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท และถูกจัดอันดับอยู่บนแอปฯ Blockfolio และ CoinGecko อีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น