<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หลังจากที่ตลาดคริปโตได้ล้มครืนในปี 2018 ที่ผ่านมา ปี 2019 จะเป็นอย่างไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นับได้ว่าปี 2017 เป็นปีสำหรับวงการคริปโตที่ไม่ว่าคนไหนหรือสถาบันต่าง ๆ ก็อยากที่จะเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมนี้กันทั้งนั้น เพราะว่าลงทุนตัวไหนมันก็ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเทรดบนเว็บเทรดทั้งหลาย การลง ICO ตัวไหนก็ Moon กันทั้งนั้น หรือแม้แต่การขุดเหมืองก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

แต่หลังจากต้นปี 2018 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะพบเจอนั่นก็คือราคา Bitcoin ที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดที่เกือบ 20,000 ดอลลาร์จะลดตัวลงอย่างมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวจนทำให้นักลงทุนที่เพิ่งกระโดดเข้ามาเล่นคริปโต ร้องไห้กันเป็นสายน้ำหรืออาจหนาวเหน็บเพราะติดดอยกันทั้งนั้น

ในช่วงปลายปี 2017 และปี 2018 เกิดอะไรขึ้นบ้าง และอนาคตปี 2019 จะมีทิศทางไปในทางใด

ลงทุนด้วยความโลภ (ปี 2017)

อย่างที่รู้กันว่าราคา Bitcoin และ Altcoins ตัวอื่น ๆ เริ่มขยับราคาขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี แน่นอนว่าหลายคนหรือนักลงทุนคริปโตก็อาจเกิดอาการ FOMO (Fear of mission out) หรือาหารตกรถ(ไฟเหาะ) นั่นแหละจึงได้ทำการซื้อ ๆ ๆ ตามคนอื่นจนหมดสิ้นเพียงได้แต่หวังว่าอนาคตมันจะ 10x หรือมากกว่านั้น

และด้วยคำว่า FOMO ก็เลยทำให้นักลงทุนหลายคนติดกับดักคำนี้และไปอยู่บนยอดดอยกันเป็นแถบ ๆ และอาจจะดอยในเหรียญดังอย่าง Ripple ก็เป็นได้

ปี 2018 ตลาดคริปโตล้มครืน

อย่างที่ได้ทราบกัน พอถึงช่วงต้นปี 2018 นั้น นักลงทุนคริปโตก็ได้วาดฝันว่าตลาดคริปโตในปี 2018 จะต้องเป็นไปได้สวยอย่างแน่นอน แต่กลับกลายเป็นว่า นักลงทุนหลายคนต้องมาเป็น “Hodlers” แทนหรือถือเหรียญเอาไว้ ไม่ยอมขายเพราะราคาตกนั่นเอง

ปีที่ผ่านมาหรือปี 2018 นั้นราคาเหรียญราชาอย่าง Bitcoin ล้มตัวลงมาอย่างแรงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ หรือ Altcoins บางตัวก็มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ หลายคนเทขาย หรือ Cut-loss ไม่เจ็บตัวมาก แต่หลายคนเก็บไว้และเชื่อว่าปลายปีราคามันจะขึ้น แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น

การ FUD ทำให้ราคาร่วงหรือเปล่า

การที่ทำให้ราคา Bitcoin หรือคริปโตตัวอื่น ๆ ลงนั้นอาจมาจากข่าวที่ทำให้ราคาร่วง หรือการ FUD (fear-uncertainty-doubt) ไม่ว่าจะเป็น ICO Scam หรือแม้แต่เว็บเทรดคริปโตถูกแฮ็ก, 51% Attack การออกกฎหมายของ SEC Bitcoin ETF หรือเว็บเทรดบางเว็บเอา Token หลายตัวออกไปโดยกล่าวว่ามันไม่มีศักยภาพเพียงพอ

สถาบันทางการเงินยักษ์ใหญ่เริ่มเข้ามา

ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยกำลังหวากวิตกกับราคา Bitcoin ที่ร่วงหนักในช่วงปี 2018 แต่สถาบันทางการเงินยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะเทรดบน เว็บเทรดแบบ OTC ซึ่ง เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ราคา Bitcoin ยังคงต่ำอยู่ แต่ในขณะเดียวกันมีรายงานว่าเปอร์เซ็นต์การลงทุนจากจากบริษัท Venture Capital เพิ่มขึ้นกว่า 280 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2017

ปี 2019 Crypto Asset จะไปในทิศทางใด

Wall street พลาดการลงทุนกับ Digital Asset ไปแล้วในรอบแรก ได้แต่เฝ้ามองเจ้าอื่นลงทุนอย่างเว็บเทรดยักษ์ใหญ่เช่น Coinbase และ Binance ทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ และเว็บเทรดพวกนี้ก็ได้ลงทุนทำเว็บเทรดแบบ Decentralized ซึ่งมันจะยิ่งช่วยในเรื่องของความเชื่อใจให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

เชื่อว่าปี 2019 การเติบโตน่าจะยังอยู่ในช่วงเชื่องช้าไม่หวือว่าเท่าไร และคงไม่มีการ FOMO เหมือนปลายปี 2017 หรือการ FUD ในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น