<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 ปัจจัยที่ทำให้ราคาของเหรียญ Litecoin พุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งในปี 2019

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว คริปโตสกุลหลักอื่น ๆ อย่างเช่น Litecoin (LTC) ก็มีปริมาณการเทรดที่มากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2019 โดยเฉพาะในคู่เงิน LTC/BTC นั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

ถึงแม้ Litecoin นั้นจะเป็นเหรียญที่มีมูลค่าโดยรวมมากที่สุด ติด 5 อันดับแรกของตลาดคริปโตอยู่ปล่อยครั้ง แต่จะสังเกตได้ว่า ในช่วงนี้ไม่ค่อยมีข่าว Litecoin ออกมามากมายนัก เลยทำให้เกิดข้อสงสัยภายในชุมชนคริปโตว่าทำไม Litecoin นั้นถึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีนี้

และเราจะไปลงลึกวิเคราะห์กันในบทความนี้ว่าทำไมตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึงมีผลงานที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

ในบทความนี้เราจะวิเคราะห์ถึง 5 ปัจจัยที่ทำให้ราคาของ Litecoin นั้นพุ่งสูงขึ้น และจะใช้โมเดลการประเมินสินทรัพย์คริปโตของนาย Chris Burniske ในการประเมินว่าราคาที่ Litecoin ควรนั้นเป็นอย่างไร

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาของ Litecoin เพิ่มขึ้น ?

แตกต่างจาก Blockchain หรือคริปโตสกุลอื่น ๆ Litecoin นั้นเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีระบบการทำงานเข้าใจง่ายและมีการใช้งานที่ชัดเจนที่สุดในตลาด นาย Charlie Lee นั้นได้สร้างเหรียญนี้ขึ้นในปี 2011 โดยมีความตั้งใจให้มันเป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ลื่นไหล, ใช้ได้ทั่วโลก และเป็นระบบ Peer-to-peer ด้วยเหตุนี้ ปัจจัยที่จะทำให้พื้นฐานของเหรียญและราคาของมันสูงขึ้นก็ตรง ๆ เลยคือ ปัจจัยอะไรก็ตามที่ทำให้ Litecoin นั้นทำหน้าที่ของการเป็นเงินที่ลื่นไหล, ใช้ได้ทั่วโลกและเป็น Peer-to-peer มากขึ้นนั่นเอง (อย่างน้อยก็ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว มันควรจะเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีราคาคงที่ ซึ่งในปัจจุบันมันกำลังเติบโตเป็นสกุลเงินระดับโลกอยู่)

การเพิ่มขึ้นของราคา Litecoin ตั้งแต่ต้นปี 2019 นั้นอาจจะมาจากปัจจัยทั้ง 5 ที่กำลังจะไล่ก็เป็นได้ เนื่องจากปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลต่อมูลค่าของมันในแง่ของการเป็นเงินดิจิทัลทั้งหมด:

  1. มีพ่อค้าแม่ค้าที่ยอมรับ Litecoin เป็นช่องทางการชำระเงินมากขึ้น
  2. มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำอย่างต่อเนื่องทำให้ Litecoin เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ
  3. มีความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงทำให้ Litecoin เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ
  4. มีความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรม ทำให้มีการนำ Litecoin ไปใช้ในกรณีใหม่ ๆ มากขึ้น
  5. อัตราการสร้างของ Litecoin ที่ค่อย ๆ สร้างน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เหรียญในตลาดมีมูลค่ามากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้เป็นอีกจุดที่ชี้ให้เห็นว่า Litecoin นั้นแตกต่างกัน Bitcoin หรือโปรเจกต์คริปโตอื่น ๆ อย่างไร ถึงแม้มันจะเป็นเครือข่ายแบบ Decentralized แต่ Litecoin นั้นมีหัวหน้าโปรเจกต์ที่ชัดเจน มันถูกนำโดยนาย Charlie Lee ผู้สร้างเหรียญและ Litecoin Foundation ดูเหมือนว่า การที่เหรียญดังกล่าวมีหัวหน้าจะทำให้ Litecoin นั้นมีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะอัปเกรดไปทางไหน ในทางกลับกัน Cryptocurrency สกุลอื่น ๆ ใช้ Consensus Mechanism (กลไกการตัดสินใจทิศทาง) เป็นส่วนมาก และไม่มีหัวหน้าคอยตัดสินใจ

ปัจจัยที่ 1: การยอมรับที่มากขึ้น

จากที่ทราบ ปัจจัยพื้นฐานของมันถูกวัดว่า มันสามารถทำหน้าที่ของตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสำหรับผู้คน, พ่อค้าแม่ค้า และสถาบันต่าง ๆ ได้ดีแค่ไหน และมีคนยอมรับมันจริง ๆ มากขนาดไหน ในอดีต การใช้งาน Bitcoin เพื่อแลกเป็นสินค้าครั้งแรกคือ การที่นาย Laszlo Hanyecz ได้ทำการซื้อพิซซ่าจาก Domino เป็นราคา 10,000 BTC โดยในตอนนั้นมันมีมูลค่าที่ 41 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันมันมีมูลค่าถึง 40.25 ล้านดอลลาร์ ถ้าลองมองย้อนกลับไป ถึงแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะดูแปลก ๆ ไปสักหน่อย แต่มันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า Bitcoin นั้นสามารถนำมาใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนได้จริง ๆ

อธิบายง่าย ๆ เมื่อใดก็ตามที่มีผู้คนยอมรับ Cryptocurrency เช่น Litecoin มากขึ้น คริปโตสกุลนั้นก็มีโอกาสที่มูลค่ามันจะเพิ่มขึ้นตาม และหากลองพิจารณาดู จะเห็นว่า การยอมรับของ Litecoin นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พวกเขาจับมือกับ Spend เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนสามารถนำ Litecoin ไปใช้จ่ายได้มากกว่า 40 ล้านแห่งในโลก ซึ่งรวมไปถึงการซื้อพิซซ่าด้วย Litecoin อีกด้วย

ถึงแม้จะมีบางเว็บไซต์เช่น uselitecoin.info ที่พยายามบันทึกและอัปเดตข้อมูลว่ามีพ่อค้าแม่ค้าเจ้าไหนบ้างที่ยอมรับ Litecoin แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องที่จะสามารถวัดข้อมูลอัตราการได้รับการยอมรับของ Litecoin จากพ่อค้าแม่ค้าทั่วโลกได้อย่างโปร่งใสจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม Litecoin Foundation ก็เคยเผยว่า มีพ่อค้าแม่ค้าหลายหมื่นรายทั่วโลกได้ยอมรับ Litecoin แล้ว และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอาจจะทำให้ตลาดปรับตัวตามกระแสนี้ก็เป็นได้

ปัจจัยที่ 2: ค่าธรรมเนียมต่ำ

หนึ่งในแรงจูงใจที่ทำให้ผู้คนหันมาใช้เงินดิจิทัลเช่น Bitcoin และ Litecoin เนื่องจากพวกเขาต้องการลดค่าธรรมเนียมในการทำธรุกรรม การโอนเงินด้วยตัวกลางทั่วไปเช่น Western Union นั้นกินค่าธรรมเนียมของคุณได้มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หรือแม้กระทั่ง Visa เองก็คิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์จากปริมาณเงินที่เราโอน

เมื่อค่าธรรมเนียมของ Litecoin ลดลงเรื่อย ๆ มันก็เริ่มกลายเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของ Litecoin เพิ่มขึ้นได้ ในเรื่องของค่าธรรมเนียมที่ต่ำ Litecoin นั้นมักได้รับการพูดถึงอยู่บ่อยครั้งว่า ถึงแม้จะมีปริมาณการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ มันก็ยังคงค่าธรรมเนียมที่ต่ำไว้ได้อยู่ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการทำธุรกรรมก้อนหนึ่งเกิดขึ้นด้วยการโอน Litecoin มูลค่ากว่า 62 ล้านดอลลาร์ แต่เสียค่าธรรมเนียมเพียง 0.5 ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ

และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการปล่อย Litecoin Core เวอร์ชัน 0.17.1 ออกมา ซึ่งเวอร์ชัน Beta เพิ่งปล่อยออกมาในวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา โดยการอัปเดตครั้งนี้ถูกคาดว่า มันจะทำให้ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมลดลงอีกประมาณ 10 เท่า ซึ่งแน่นอนว่า ข่าวนี้มีสิทธิ์ส่งผลต่อราคาของมันอย่างแน่นอน

ปัจจัยที่ 3: การทำธุรกรรมที่ว่องไวขึ้น

นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมของธุรกรรมแล้ว ความเร็วในการทำธุรกรรมยังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ด้วย ในแง่ของเงินดิจิทัล จุดที่ทดสอบเลยคือมันสามารถทำการชำระแบบทันทีได้เลยหรือไม่ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนมากคาดหวังว่าจะต้องทำเสร็จในตอนซื้อสินค้าภายในไม่กี่วินาที ไม่ว่าจะเป็นการชำระด้วยเงินสดหรือชำระด้วยเครดิตการ์ด และอุปสรรคหลัก ๆ เลยของคริปโตในหลายปีที่ผ่านมาคือ มันมีเวลาการยืนยันธุรกรรมที่ค่อนข้างช้า

ไม่เว้นแม้แต่ Litecoin หนึ่งใน Blockchain ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดก็ตาม มันใช้เวลาในการสร้าง Block ถึง 2.5 นาที ผู้ใช้จำเป็นต้องการให้ธุรกรรมถูกเพิ่มเข้าไปใน Block ก่อนถึงจะสามารถถูกยืนยันได้ว่าถูกต้อง เพราะฉะนั้น การช้อปปิ้งของคุณก็จะช้าลงกว่าการจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต

ล่าสุด Litecoin เองก็ได้ทราบถึงจุดนี้ และกำลังโฟกัสไปยังความเร็วอยู่ด้วยการนำเทคโนโลยี Lightning Network เข้ามาช่วย

Lightning Network นั้นเป็น Solution ชั้นที่ 2 กล่าวคือ มันเป็น Protocol ที่ทำงานบน Blockchain อีกรอบ โดยมันจะทำหน้าที่ต่าง ๆ ในขณะที่ไม่ได้ยุ่งอะไรกับ Blockchain เลย Lightning Network ถูกออกแบบมาให้การทำธุรกรรมด้วย Blockchain นั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถยืนยันได้ภายในชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น

Lightning Network นั้นไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เพราะมันได้อยู่ในเวอร์ชัน Beta ตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว สำหรับ Bitcoin และ Litecoin แต่ในช่วงหลัง ๆ มานี้ มันเริ่มที่จะถูกนำมาใช้งานจริงมากขึ้น และได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน Litecoin

ตั้งแต่ต้นปี 2019 Litecoin นั้นได้มี Nodes ของ Lightning Netowrk ที่ใช้งานประจำมากกว่า 100 Nodes แล้ว และมี Channels ในการชำระเงินมากกว่า 1,100 Channels และเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีพ่อค้าแม่ค้ากว่า 4,500 รายได้ยอมรับการชำระ Litecoin ด้วย Lightning Network แล้ว ซึ่งทำให้การยอมรับทะยานขึ้นไปอีกระดับ

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นที่แน่ชัดว่า จำนวน Nodes ที่เพิ่มขึ้นในเครือข่าย Lightning Network ของ Litecoin นั้นส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคา Litecoin โดยตรงหรือไม่ แต่ความเป็นจริงก็คือ มันได้กลายเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีความเร็วในการทำธุรกรรมที่ไวยิ่งขึ้น ทำให้มันมีประโยชน์มากขึ้นจริง ๆ นั่นเอง

ปัจจัยที่ 4: การทำธุรกรรมที่มีความเป็นส่วนตัว

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2018 นาย Charlie Lee ผู้สร้าง Litecoin เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาว่า ความเป็นส่วนตัวนั้นจำเป็นสำหรับการทำธุรกรรมด้วย Litecoin และ Bitcoin

“ผมเป็นแฟนพันธ์ุแท้ในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวลงไปใน Litecoin และ Bitcoin ผมคิดว่าหนึ่งในความสามารถของเงินที่ดีที่ Bitcoin และ Litecoin ยังขาดไปคือ ความเป็นส่วนตัว เช่น การทำธุรกรรมแบบลับ ๆ หรืออะไรพวกนี้ จะส่งผลดีต่อมันมาก ๆ แต่มันก็มีโอกาสได้รับเสียงค้านจากชุมชนได้ มันอาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้เพราะเว็บเทรดคริปโตอาจนำเหรียญออก ถ้าทำการเพิ่มระบบให้สามารถทำธุรกรรมแบบลับ ๆ ได้ เราเคยเห็นเว็บเทรดคริปโตในเกาหลีถูกรัฐบาลบังคับให้นำเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัวออกมาแล้ว เพราะพวกเขาไม่ชอบเหรียญที่เน้นความเป็นส่วนตัว เพราะงั้น Litecoin ก็อาจจะเป็นตัวทดสอบสิ่งพวกนั้นก็เป็นได้”

จากจุดนั้น มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Litecoin Foundation เผยว่า กำลังศึกษา Protocol ของ Mimblewimble เพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการทำธุรกรรมที่มีความเป็นส่วนตัวของเครือข่าย Litecoin ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าตลาดนั้นตกใจกับข่าวนี้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือตลาดได้แสดงปฎิกริยาต่อข่าวนี้เช่นกัน ถึงแม้ตลาดคริปโตโดยรวมจะมีความผันผวนสูงในวันที่ 7 และ 8 กุมภาพันธ์ แต่ Litecoin นั้นกลับเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีราคาพุ่งขึ้นสูงกว่าเหรียญอื่น ๆ

จากข้อความข้างต้นของนาย Lee เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่า ความเป็นส่วนตัวสำหรับคริปโตนั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ มันอาจจะก่อให้เกิดอุปสรรคเพิ่มขึ้นสำหรับการที่มันจะถูกยอมรับ และได้รับการสนับสนุนจากระบบนิเวศน์โดยรวม อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังคงให้ความสนใจในการทำธุรกรรมที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่ การเพิ่มความเป็นส่วนตัวเข้าไปเป็นตัวเลือกเสริมให้กับการทำธุรกรรมด้วย Litecoin จะทำให้ Litecoin มีประโยชน์มากขึ้น และไม่ว่าความเป็นส่วนตัวจะส่งผลดีโดยรวมต่อ Litecoin หรือไม่ในระยะยาวก็ตาม การที่พวกเขาประกาศว่าศึกษา Mimblewimble อยู่ก็ชี้ให้เห็นว่า เรื่องของความเป็นส่วนตัวนั้นส่งผลต่อตลาดอย่างแน่นอน

ปัจจัยที่ 5: อัตราการสร้าง Litcoin ที่ลดลง

เราไม่สามารถมองข้ามกฏพื้นฐานของหลักการอุปสงค์ และอุปทาน (Supply และ Demand) ไปได้ และเมื่อ Supply ของสินทรัพย์นั้นลดลงในขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ยังคงที่ ทฤษฎีก็จะบอกเราว่า ราคาของมันจะต้องเพิ่มขึ้นนั่นเอง

หนึ่งในกลไกที่คริปโตหลัก ๆ เช่น Bitcoin และ Litecoin มีปริมาณการสร้างหรือ Supply ที่ลดลงนั้นมีนามว่า Halving คริปโตเหล่านั้นถูกออกแบบมาให้ ในทุก ๆ 840,000 Blocks จำนวนการสร้าง Litecoin หรือจำนวนที่ Litecoin ถูกปล่อยออกมานั้นจะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งกลไกนี้จะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่า Litcoin จะถูกปล่อยออกมาหมดที่ 84 ล้านเหรียญ

กระบวนการ Halving จะส่งผลให้ Supply ในตลาดของ Litecoin ลดลงอย่างชัดเจน และจากข้อมูลในอดีตแล้ว ราคาของเหรียญในตลาดก็มักจะมีความสัมพันธ์กับกลไกนี้

ถึงแม้การ Halving นั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และไม่ค่อยได้รับการสนใจมาก แต่ก็ควรที่จะติดตามมันเสมอ ๆ เพราะว่า มันส่งผลต่อ Supply ของเหรียญโดยตรง และสามารถติดตามได้ง่าย ๆ ที่เว็บไซต์เช่น LitecoinBlockHalf.com

การใช้โมเดลประเมินสินทรัพย์ประเมิน Litecoin

การเพิ่มขึ้นของราคา Litecoin ในช่วงที่ผ่านมาทำให้เกิดคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยว่า: ราคาปัจจุบันของมันนั้นเหมาะสมกับมูลค่าที่แท้จริงของมันแล้วหรือไม่ ?

แน่นอนว่า คำถามข้างต้นนั้นไม่ใช่คำถามที่ง่ายเลยที่จะหาคำตอบ เพราะว่าสินทรัพย์คริปโตนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่ มันเลยยังไม่มีโมเดลมาตรฐานในการประเมินมูลค่าทั้งหมดของมันในตอนนี้ แต่สำหรับการวิเคราะห์ครั้งนี้ เราจะลองใช้วิธีการวิเคราะห์จากนาย Chris Bruniske ที่มีชื่อวิธีว่า “Equation of Exchange” ซึ่งมักถูกใช้ในการ “เข้าใจการไหลของเงินที่จำเป็นสำหรับการสนับสนุนระบบนิเวศน์”

มันจะมีสูตรดังนี้: MV = PQ

ในสมการนี้:

  • M = ขนาดของสินทรัพย์นั้น (สำหรับคริปโตของมูลค่าโดยรวมทั้งหมด)
  • V = ความถี่ในการแลกเปลี่ยน (อัตราที่สินทรัพย์นั้นถูกเปลี่ยนจากเจ้าของหนึ่งไปยังอีกเจ้าหนึ่ง)
  • P = มูลค่าของธุรกรรมโดยเฉลี่ยบนเครือข่าย
  • Q = ปริมาณของสินทรัพย์ทั้งหมดในเครือข่าย

เพื่อที่จะวัดมูลค่าของสินทรัพย์เช่น Litecoin เราต้องคำนวณ P และ Q ให้ได้เสียก่อน และทำการตั้งสมมุติฐานว่า ความถี่ในการแลกเปลี่ยนนั้นมีเท่าไร (V) จากนั้นใช้ค่าที่ได้ในการคาดเดามูลค่าทั้งหมดของมัน และหากออกมาเป็นมูลค่าต่อเหรียญนั่นเอง

ในการคำนวณนี้ เราจะใช้ข้อมูลต่าง ๆ ของ Litecoin ในปี 2019 ที่หาได้ และลองแทนค่าดูว่าเป็นอย่างไร (ใช้ข้อมูลจาก BitInfoCharts ของวันที่ 14 มีนาคม 2019)

PQ = มูลค่าเฉลี่ยของธุรกรรม * ปริมาณของสินทรัพย์ทั้งหมด = 8,941 ดอลลาร์ (มูลค่าเฉลี่ยของการทำธุรกรรม) * 25,206 (จำนวนการทำธุรกรรมเฉลี่ยต่อวัน) * 365 (จำนวนวันใน 1 ปี) = 82,258,898,790 ดอลลาร์

ในส่วนของ V นั้นคำนวณค่อนข้างยากเพราะการที่จะตามข้อมูลว่า มีเหรียญทั้งหมดจริง ๆ ในระบบเลยนั้นมีเท่าไรเป็นเรื่องยาก ไม่แน่ใจว่าถูกเก็บไว้เฉย ๆ หรือหายไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราเลยทำการคำนวณในหลากหลายสถานการณ์ออกมา

อ้างอิงจากนาย James Kilroe สินทรัพย์จะมีสภาพคล่องตัวที่สุดจะมี V อยู่ที่ประมาณ 4 ถึง 15 เลยทำการตั้งสมมุติฐานด้วยเลขเหล่านั้นคือ 4, 10 และ 15

  • ถ้า V = 15, M = 82,258,898,790 ดอลลาร์ / 15 = มูลค่าตลาดโดยรวมคือ 5,483,826,586 ดอลลาร์ ทำให้ราคาต่อ Litecoin 1 เหรียญอยู่ที่ = 5,483,826,586 ดอลลาร์ / 60,900,996 LTC = 90.05 USD/LTC
  • ถ้า V = 10, M = 82,258,898,790 ดอลลาร์ / 10 = มูลค่าตลาดโดยรวมคือ 8,225,889,879 ดอลลาร์ ทำให้ราคาต่อ Litecoin 1 เหรียญอยู่ที่ = 8,225,889,879 ดอลลาร์ / 60,900,996 LTC = 135.07 USD/LTC
  • ถ้า V = 4, M = 82,258,898,790 ดอลลาร์ / 4 = มูลค่าตลาดโดยรวมคือ 20,564,724,700 ดอลลาร์ ทำให้ราคาต่อ Litecoin 1 เหรียญอยู่ที่ = 20,564,724,700 ดอลลาร์ / 60,900,996 LTC = 337.67 USD/LTC

จากค่าดังกล่าวมันสื่อให้เห็นอะไรเกี่ยวกับราคาในปัจจุบันที่ 60 ดอลลาร์ของ Litecoin ? มันชี้ให้เห็นว่า หากเทียบกับโมเดลด้านบนนั้นจะพบว่า Litecoin มีอัตราการเปลี่ยนเจ้าของที่ค่อนข้างถี่ (V สูง) และถ้าไปลองคำนวณดูจะพบว่า ด้วยโมเดลนี้ หาก Litecoin อยู่ที่ 60 ดอลลาร์ V จะเท่ากับ 22.512 มันไม่ได้หมายความว่า Litecoin ถูกนำไปใช้เป็นตัวกลางในการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น แต่ V ที่สูงนี้ก็อาจจะมาจาก ปริมาณการเทรด Litcoin ที่สูงในเว็บเทรดคริปโตก็เป็นได้ และจุดที่น่าสนใจคือ V ของ Litecoin ในโมเดลนี้นั้นมีมากกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการศึกษาเพิ่มเติมว่าค่า V ที่เหมาะสมสำหรับ Cryptocurrency นั้นควรอยู่ที่เท่าไร

อีกจุดคือ โมเดลนี้ ชี้ให้เห็นว่า ตลาดควรจะจับตามองปริมาณการทำธุรกรรมของ Litecoin เพราะถ้ามันเพิ่ม จากโมเดลนี้ มันจะบอกว่า ราคาของ Litecoin ก็ควรจะเพิ่มขึ้นตาม ยกเว้นแต่ V เพิ่มขึ้นด้วย แต่ด้วยปริมาณ V ที่มากอยู่แล้ว มันก็เป็นไปได้ค่อนข้างยากที่มันจะเพิ่มสูงกว่านี้อีก ในทางกลับกัน หากปริมาณการเทรดมันลดลง อ้างอิงจากโมเดล ราคาของมันก็อาจลดลงได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ควรจะพิจารณา 2 ข้อด้านล่างนี้ไว้เสมอ ก่อนที่จะยึดถือโมเดลนี้:

  1. อย่างที่เราชี้ในตอนต้น สินทรัพย์คริปโตนั้นเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการที่จะทำนายหรือวิเคราะห์มูลค่าของมัน และโมเดลที่เราใช้นี้ก็ไม่ใช่โมเดลที่เพอร์เฟ็กต์อะไรนัก มันยังมีโมเดลอื่น ๆ อีกมากที่มีศักยภาพในการตีมูลค่าของมันให้ตรงกว่านี้
  2. การประเมินมูลค่านี้ไม่ได้นำความเสี่ยงมาคำนวณด้วย ความเสี่ยงก็แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์ที่เราวิเคราะห์ เช่นถ้าโมเดลทำนายออกมาว่า ในอีก 3 ปี ราคาจะพุ่งไปแตะ 90 ดอลลาร์ และในปัจจุบันมันมีราคา 60 ดอลลาร์ เราจะยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้กำไรประมาณ 14.47 เปอร์เซ็นต์หรือไม่

อนาคตของ Litecoin

Litecoin จะมีต้นแบบมาจาก Bitcoin ที่ต้องการจะเป็นเงินดิจิทัลของโลก ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้อย่างไร้ข้อจำกัด ในทุก ๆ ก้าวที่มันเข้าใกล้สู่เป้าหมายเรื่อย ๆ จะเกิดจากการที่มันมีประโยชน์ในฐานะเงินดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ และปัจจัยเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้จากปัจจัยพื้นฐานที่พัฒนาขึ้น

ด้วยความที่โปรเจกต์นี้มีผู้นำที่ชัดเจน มันเลยทำให้ Litecoin มีเป้าหมายที่จะมุ่งไปที่แน่วแน่ เพื่อที่จะพัฒนาปัจจัยพื้นฐานให้เป็นเงินดิจิทัลที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ในขณะที่ ปัจจุบัน วงการคริปโตกำลังพัฒนาไปอย่างว่องไว ในตอนนี้เราก็ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นอยู่ หากต้องการที่จะอยู่กับวงการนี้นาน ๆ เพื่อเฝ้าดูการเติบโตที่แท้จริง ก็ควรโฟกัสกระแสให้น้อยกว่านี้ และหันมาสนใจค่าสถิติที่มีนัยสำคัญเช่น การได้รับการยอมรับ, ประสิทธิภาพของการทำธุรกรรม, โมเดล หรือปัจจัยของเหรียญนั้น ๆ มากกว่า และมันจะตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น