ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นกว่า 6% จากราคา $5,000 ไปสู่ $5,300 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากราคาต่ำสุดที่ $4,200 กว่า 20% โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตลาดคริปโตขึ้น โดยเฉพาะ Ethereum และ Litecoin ที่ต่างก็มีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย
นาย Vinny Lingham ผู้บริหารของบริษัท Civic และพาทเนอร์ของบริษัท Multicoin Capital ได้กล่าวว่าถึงการส่งสัญญาณให้เกิดตลาดขาขึ้นในระยะยาวว่า
“หากราคา Bitcoin นั้นสูงขึ้นไปกว่า 6,200 ดอลลาร์สหรัฐฯได้ มันจะเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่สภาวะตลาดขาขึ้นที่รุ่งเรืองและยาวนานได้ แต่หากการเก็งกำไรและผลประโยชน์จากการลงทุนนั้นไม่ได้สัดส่วนกับมูลค่าที่การลงทุนนั้นได้เพิ่มให้แก่ตลาด มันก็คงจะต้องจบลงในรูปแบบเดิมอีกครั้ง”
This means that as the Bitcoin price rises, so does the price of other crypto’s, irrespective of value. This is a key point – Bitcoin could double overnight, but does this mean other assets should too, even if nothing has changed on their end in term of development, network etc?
— Vinny Lingham (@VinnyLingham) April 10, 2019
นอกจากนี้เค้ายังได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกว่าในขณะที่ราคาของ BTC ได้เพิ่มขึ้นในช่วงตลาดขาขึ้นนั้น โครงการที่เกี่ยวข้องในการนำ Bitcoin ไปใช้งานรวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินอื่นๆกลับไม่สามารถตอบสนองต่อช่วงราคาที่เพิ่มขึ้นได้แต่อย่างใด
ช่วงราคาที่ 6,200 ดอลลาร์จะช่วยรักษาอนาคตของ Bitcoin ได้อย่างไร?
ดัชนีชี้วัดอย่างเช่น อัตรา Moving Average ในหลายรูปแบบสำหรับคาบเวลา 200 วัน ได้ถูกนำมาใช้โดยนักวิเคราะห์ทางเทคนิคทั้งหลายในการทำนายทิศทางของตลาดสินทรัพย์ทั้งหลาย ซึ่งในกรณีของ bitcoin นั้น อัตราดังกล่าวได้แสดงถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่ตลาดขาขึ้น
แม้ว่า Bitcoin นั้นจะไต่ขึ้นไปสู่ระดับราคาที่ 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งผ่านช่วงแนวต้านหลักในระดับราคา 4,200 ดอลาร์ได้อย่างง่ายดาย แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเกิดจากหลายปัจจัยในตลาด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสภาพตคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการไหลเข้าของเงินสู่ระบบกว่าร้อยล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของราคาไปสู่ 6,200 ดอลลาร์ในเร็วๆนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ยาก หากขาดแรงผลักดันจากเม็ดเงินจากการลงทุนใหม่ๆ
ในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาทางตลาดสัญญา Futures ของบริษัท CME ได้มีรายงานถึงปริมาณการซื้อขายสัญญากว่า 22,542 สัญญา คิดเป็นมูลค่ากว่า 546 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหากเรานำปริมาณการซื้อขายส่วนเกินที่เกิดขึ้นในตลาด Bitcoin ออกจากการคำนวนแล้ว ปริมาณการซื้อขายสัญญา Futures ของ Bitcoin ในวันที่ 4 เมษายนอย่างเดียวนั้นยังมากกว่าปริมาณการซื้อขายในกรณีปกติของ Bitcoin ในหนึ่งวันเสียอีก โดยอ้างอิงการคำนวนในเดือนมีนาคมจาก Bitwise
2/ First, key takeaways:
A. 95% of reported BTC spot volume is fake
B. Likely motive is listing fees (can be $1-3M)
C. Real daily spot volume is ~$270M
D. 10 exchanges make up almost all real trading
E. Most of the 10 are regulated
F. Spreads are <0.10%. Arb is super efficient— Bitwise (@BitwiseInvest) March 22, 2019
จากการรายงานที่ส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บริษัท Bitwise ได้ทำการประเมิณปริมาณการซื้อขาย Bitcoin ปกติอยู่ที่ 270 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ดังนั้นหากปริมาณของการซื้อขาย Futures ซึ่งได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาในช่วงวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นอีกครั้ง การเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อนอย่างดี ร่วมกับปัจจัยอื่นๆซึ่งมีอิทธิพลให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นได้
นาย David Tawil ประธานบริหารของบริษัท ProChain Capital ได้กล่าวกับสื่อในวันที่5 เมษายนถึงความเห็นของเค้าต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา Bitcoin ว่า
“มันเป็นความรู้สึกที่ดีเมื่อเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในมุมมองของนักลงทุนแล้วมันไม่ใช้การเปลี่ยนแปลงที่จะวางใจได้มากนัก เพราะนักลงทุนนั้นชอบที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากช่วงขาลงที่มีเส้นแนวรับชัดเจนไปสู่ขาขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่อาจจะเป็นสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว”
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการพิจารณาถึงโอกาสในการเพิ่มการไหลเข้าของเงินทุนจากเหล่านักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย (Accredited Investor) ทั้งหลายสู่ตลาดคริปโต
$GBTC 10% today, outperforming $BTC.
– GBTC +47% since Apr/2 breakout
– BTC +28% since Apr/2 breakoutAnother symptom of new money coming into crypto. pic.twitter.com/YEKXBbKLen
— Alex Krüger (@krugermacro) April 10, 2019
นอกจากนี้อัตราราคา (Premium) สำหรับการลงทุนในกองทรัพย์สินหรือ Trust ของ Bitcoin อย่าง Grayscale’s Bitcoin Investment Trust (GBTC) ซึ่งเปิดให้นักลงทุนที่มิใช่รายย่อย (Accredited Investor) สามารถลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ ได้มีการเพิ่มขึ้นถึง 10% แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา : Cryptoslate
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น