<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ร้านค้าทั้วไปเริ่มรับ Bitcoin แล้ว แต่เราพร้อมที่จะใช้มันหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จริงแล้วความสำเร็จของคริปโตก็คือการที่มันถูกนำไปใช้นั่นเอง แต่ในปัจจุบันนี้เหรียญราชาอย่าง Bitcoin ยังคงนำไปใช้ในการเก็งกำไรกันอยู่ ถึงแม้ว่าร้านค้าทั้งหลายเริ่มรับ Bitcoin ในการชำรัเงินกันอย่างมากขึ้นแล้ว

เมื่อร้านค้าเริ่มรับ Bitcoin แล้วนั้น ผู้คนทั่วไปยังสนใจที่จะใช้มันในการซื้อสินค้าอยู่หรือไม่?

เก็บอย่างเดียว

ถึงแม้ว่าราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจากราคา 4,000 ดอลลาร์ จนมาถึง 7,600 ดอลลาร์ในขณะที่เขียนบทความนี้ ก็ยังไม่สามารถทำให้อัตราการใช้งานจริงมันนั้นเพิ่มขึ้นได้ หรือเห็นกันอย่างแน่ชัด

เชื่อไหมว่าหลายคนทั่วโลกใช้ Exchange เป็นตัวเก็บทรัพย์สินดิจิทัลเอาไว้ มันถูกเปรียบเสมือนว่าเป็นธนาคารแบบดั้งเดิมเหมือนเราฝากเงินเข้าบัญชีนั่นแหละ แล้วก็กหลายคนก็ไม่ได้อยากนำมันมาใช้สักเท่าไรเพราะอาจคิดว่าการโอนไปมานั้นลำบาก

App ช่วยในการจ่ายเยอะแยะ

บอกได้ว่าตอนนี้แอปฯ ที่ช่วยในการชำระเงินแบบ Crypto มีเยอะแยะมากมายบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ Cash ของนาย Jack Dorsey หรือ CEO ของ Twitter หรือล่าสุดแอปฯ Spedn ที่คอยเป็นทั้ง Crypto Wallet และคอยช่วยในเรื่องของการชำระเงินหลากหลายสกุลเงินรวมทั้งคริปโตอีกด้วย

หรือถ้าเป็นบัตรเครดิตแบบคริปโตที่ใช้ควบคู่กับแอปฯ ที่เรารู้จักกันดีก็น่าจะเป็น TenX  ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยนั่นเอง

เราจะจ่ายเงินที่สามารถเก็บมูลค่าได้ทำไม?

อย่างที่รู้กัน Bitcoin ถูกออกแบบมาเพื่อขจัดปัญหาเงินเฟ้อที่ในแต่ละประเทศกำลังเผชิญกันอยู่ เพราะว่าจำนวนของ Bitcoin มีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ แน่นอนว่าตอนนี้มันถูกขุดไปแล้วอย่างมากมายและน่าจะเหลือโดยประมาณที่ 3 ล้านเหรียญเท่านั้น

นอกจากนี้เราต้องพิจารณาแนวโน้มของนักเทรดว่าจะ HODL ต่อหรือขาย เพราะเวลาผ่านไปจำนวน Bitcoin ในตลาดก็จะลดลง และแน่นอนว่ามูลค่าของ Bitcoin ก็จะมากขึ้นตามหลัก Demand Supply เมื่อ Supply มีน้อยราคาของ Bitcoin ก็มากขึ้น มูลค่าการนำไปใช้จ่ายก็จะลดลง และ Bitcoin จะเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่ามากกว่าเงิน Fiat ทันที

ยกตัวอย่างเช่นเราซื้อ Starbuck 1 แก้วด้วย ห้าหมื่น satoshi แต่ในอนาคต มูลค่าของมันอาจลดลงเหลือ สามหมื่น satoshi ก็เป็นได้ ถ้ามูลค่าของ Bitcoin มันมากขึ้นเรื่อย ๆ

กลับกันสกุลเงิน Fiat นั้นจะสามารถเกิดภาวะเงินเฟ้อแทน ยกตัวอย่างเช่นในปีนี้เราอาจซื้อ Starbucks ในราคา 4 ดอลลาร์ แต่ในอีกห้าปีเราอาจต้องจ่ายถึง 6 ดอลลาร์ในการซื้อ Starbucks ก็เป็นได้ มันไม่ใช่ว่ามูลค่า Starbucks มันเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าของเงิน Fiat มันลดลง

สรุปได้ว่าถ้าเราใช้จ่ายด้วย Bitcoin เราอาจเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้สกุลเงิน Fiat ก็เป็นได้ในท้ายที่สุด เพราะมูลค่าของเงิน Fiat จะหายไปเรื่อย ๆ ด้วยภาวะเงินเฟ้อในทุก ๆ ปีทดังนั้นมันไม่ยากที่จะกล่าวคำอำลาในการใช้เงิน Fiat และหนมาใช้เงินดิจิทัล แต่ก็นั่นแหละว่า Trend โลกจะไปในทิศทางใด และประเทศไทยพร้อมที่จะตัวใช้สกุลเงินดิจิทัลแล้วหรือยัง

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น