<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากตลาดฟิวเจอร์คริปโต Bakkt เปิดให้บริการแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บริษัทหลักทรัพย์ Intercontinental Exchange (ICE) ของสหรัฐฯ กำลังจะเปิดให้มีการทดสอบการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของ  Bitcoin ที่เรียกว่า Bakkt ในรูปแบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2 แบบในตลาด ICE โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้มีความพยายามที่จะโปรโมทกิจกรรมดังกล่าวและเลื่อนกำหนดการเปิดตัวมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว จนปัจจุบันก็ยังคงไม่มีการวางกำหนดการที่จะเปิดตัวแต่อย่างใด จาก รายงานที่เผยแพร่ ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาชี้ว่า บริษัทน่าจะกำลังพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัลที่เรียกว่า Bakkt Pay อยู่ในขณะนี้ด้วยเช่นกัน

หลังจากที่บริษัท Cboe Global Markets ได้ หยุดให้บริการ ซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin ไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตลาดเงินคริปโตจะมีความพร้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ Bakkt รวมทั้งจะสามารถผลักดันให้เกิดการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงินคริปโตอันโด่งดังนี้ได้ต่อไปหรือไม่?

ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ Bitcoin มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ $10,801 โดยปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 213% นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นต้นมา ซึ่งในช่วงนั้นสกุลเงินดิจิทัลมีการซื้อขายกันอยู่ที่เพียง $3447.5 ดังนั้นเราก็น่าจะได้คำตอบจากคำถามข้างต้นว่า “พร้อมแล้ว”

มีข้อมูลพื้นฐานหลาประการซึ่งแสดงว่าโทเค็นซึ่งเคยปรับตัวลดลงจะฟื้นตัวขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง การฟื้นตัวของ Bitcoin อาจเกิดได้จากปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์ทางการเมืองหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หรือแม้แต่ข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ว่าบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook กำลัง วางแผนที่จะเปิดตัว สกุลเงินคริปโตของตนเองที่เรียกว่า Libra

สัญญาซื้อขาย Bitcoin ล่วงหน้าจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการทำกำไรจากการคาดการณ์ราคาในอนาคตของ Bitcoin ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ BTC เองแต่อย่างใด หลายฝ่ายเชื่อว่าตลาดเงินคริปโตรวมทั้งกลุ่มนักลงทุนในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่บริษัท Chicago Board Options Exchange (Cboe) ตลอดจนบริษัท Chicago Mercantile Exchange (CME) ได้เริ่มเปิดทำการซื้อขายสัญญา BTC ล่วงหน้าในช่วงปลายปี 2017 เป็นต้นมา

นายคิริลล์ เบนโซนอฟฟ์ ประธานกรรมการบริหารของ OpenLTV กล่าวว่า

“ปัจจุบันตลาดนี้ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว โดยมีปัจจัยที่มาจากความรู้สึกกลัวที่จะเสียโอกาส (FOMO) น้อยลง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในเชิงกลยุทธ์ระยะยาวมากขึ้น”

นายเบนโซนอฟฟ์ชี้ว่าในปัจจุบันมีผู้เล่นซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการเงินมากขึ้น เขาเชื่อว่าแรงหนุนในปัจจุบันเกิดขึ้นจากความศรัทธาว่า Bakkt กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยในช่วงก่อนการเปิดตัวนี้ และเขายังเสริมว่า Bitcoin จะเติบโตต่อไปจนกลายเป็นสินทรัพย์ที่เรียกว่า ‘ทองคำดิจิทัล’

บริษัท CME ก็มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาเช่นกันว่าสัญญาซื้อขาย Bitcoin ล่วงหน้าเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยบริษัททวีตข้อความในวันที่ 18 มิถุนายนว่า

“สัญญาซื้อขาย Bitcoin ล่วงหน้าของ CME (BTC) ได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีผู้สนใจที่จะเปิดสัญญา BTC เพิ่มขึ้นถึง 643 สัญญาภายในวันเดียว ทำให้มีสถิติจำนวนสัญญาสูงสุดเกิดขึ้น 5,311 สัญญาในวันที่ 17 มิถุนายน (หรือเท่ากับ 26,555 bitcoin ซึ่งมีมูลค่าราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐ)”

การเปิดตัวในครั้งนี้จะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปได้อีกหรือไม่?

Bitcoin เคยมีการซื้อขายกันสูงที่สุดอยู่ที่ราว $20,000 ในช่วงที่ทั้งบริษัท CME และ Cboe ต่างก็เปิดให้มีการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าประเภทนี้พร้อมกัน ในระหว่างนั้นการเปิดจำหน่ายเหรียญครั้งแรก (ICOs) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงเกิดความต้องการที่จะพัฒนาให้เงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย โดยผลักดันให้มีความต้องการมากขึ้นและให้ทางเลือกในการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่ากับนักลงทุนรายใหม่ทั้งประเภทรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน

แต่เหตุการณ์ก็ไม่เป็นไปตามที่คาด เนื่องจากในปี 2018 สกุลเงินคริปโตไม่ได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคย การเปิดจำหน่าย ICO หลายๆ ครั้งก็ล่มไม่เป็นท่า จึงทำให้ตลาดคริปโตเริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอย หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 1 ปี ราคาเหรียญคริปโตในตลาดจึงฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง การเปิดตัวของ Bakkt ในครั้งนี้จะช่วยทำให้ราคาขยับตัวสูงขึ้นไปได้อีกหรือไม่ ยังคงไม่สามารถคาดเดาได้ในขณะนี้

ยังมีอุปสรรคอีกมากมายที่จะต้องเผชิญ รวมทั้งการรอการอนุมัติในหลายเรื่องจากรัฐบาล ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า Bakkt จะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยมี “คลังสินทรัพย์ที่อยู่ในการควบคุม ซึ่งจะเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดเอาไว้” ซึ่งต่างจากผลิตภัณฑ์ซึ่งอยู่ในรูปแบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเงินคริปโตของบริษัท CME และ CBOE ที่เป็นการชำระราคาด้วยเงินสดเท่านั้น โดยสัญญาของ Bakkt จะต้องถูกนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน Bitcoint เพื่อส่งกลับไปเก็บที่คลังสินทรัพย์ของ Bakkt เมื่อหมดอายุสัญญา

นายเดวิด วิลเลียมส์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ BlockRules กล่าวว่า หากมองในแง่ดี นักลงทุนที่คุ้นเคยกับเงินคริปโตจะทราบดีว่า ICO ที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นเกิดจากการที่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมมาคอยควบคุมดูแลนั่นเอง

“สัญญาซื้อขาย BTC ล่วงหน้าโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ยังคงต้องรอให้มีการอนุมัติจาก CFTC เสียก่อน ข้อได้เปรียบทางเทคนิคเพียงเล็กน้อยของแพลตฟอร์มอย่างเช่นของ Baker ไม่มีผลสำคัญกับตลาด แม้จะไม่มีข้อบังคับใดมารองรับก็ตาม”

แล้วตราสารอนุพันธ์ของ Bakkt จะมีความแตกต่างอย่างไร? มีรายงานว่า ประธานกรรมการบริหารบริษัทกล่าวว่าจะมี “การทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด” กับคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CTFC) ของสหรัฐฯ ในช่วงที่กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ ในขณะเดียวกันก็จะมีกลุ่มนักลงทุนทั้งประเภทสถาบันการเงินและนักลงทุนรายย่อยส่วนหนึ่งที่จะมาทำการทดสอบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้

นาย วิลเลียมส์ กล่าวว่า สัญญาที่จะเปิดให้ทดลองจะมีทั้งในรูปแบบรายวันและรายเดือน “เมื่อเปรียบเทียบกับอ็อพชันของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า BTC ก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์ของ Bakkt จะเป็นการชำระราคาด้วย Bitcoin แต่ไม่ใช่เงินสด”

“ดังนั้น นักลงทุนที่จะซื้อขาย Bakkt จะต้องดำเนินการในตลาดของ Bitcoin เท่านั้น ซึ่งต่างจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ CBOE และ CME ที่จะต้องชำระมูลค่าเป็นเงินสดเพื่อทำการเก็งกำไรในมูลค่าของ Bitcoin ส่วนลูกค้าของ Bakkt จะเป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันการเงินที่มีความสนใจจะลงทุนในสกุลเงินคริปโตระยะยาว”

บทความนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกบน Investing.com และถูกนำมาเผยแพร่ต่อบนสยามบล็อกเชน ภายใต้ข้อตกลงของการเป็นพาร์ทเนอร์กันระหว่างบริษัทสยามบล็อกเชนมีเดียกรุ๊ป และ Investing.com

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น