<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ก่อตั้ง Ethereum นาย Vitalik เผยถึงแผนการพัฒนาเหรียญในอนาคต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ereum ซึ่งจะมาถึงในอีกไม่ช้า ซึ่งในปีที่ผ่านมาทีมผู้พัฒนา Ethereum ร่วมกันวางแผนพัฒนาความยืดหยุ่นเครือข่าย (scalability) และลดความแออัดของข้อมูลในระบบ

โดยทางทีมงานได้วางแผนไว้ว่าจะปล่อย Ethereum 2.0 ภายในต้นเดือนมกราคม 2020 ซึ่งนาย Vitalik Buterin หนึ่งในผู้สร้าง Ethereum ได้ให้สัมภาษณ์แก่ The Star สื่อในแคนาดา โดยเนื้อหาของการสัมภาษณ์นั้นเกี่ยวกับพัฒนาการและปรากฎการณ์ของ Ethereum ในอนาคต

นาย Buterin กล่าวว่าทางทีมงานมีแผนที่จะลดต้นทุนในการทำธุรกรรมคริปโตผ่านการพัฒนาความยืดหยุ่นของเครือข่าย เขาเสริมว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยที่สำคัญมากเนื่องจากปัจจุบันเครือข่ายของ Ethereum นั้นขยายใหญ่ขึ้นมาก “ใหญ่เสียยิ่งกว่า Bitcoin” นาย Buterin กล่าว

ระบบเครือข่ายของ Ethereum นั้นแตกต่างจากเครือข่ายบล็อคเชนของ Bitcoin ตรงที่เครือข่ายของ Ethereum มอบโอกาสที่หลากหลายกว่า Bitcoin ซึ่งรองรับเพียงการแลกเปลี่ยนเหรียญสกุล Bitcoin โดยเครือข่ายของ Ethereum เป็นโฮสต์ของ DApps หรือ Decentralized applications และเปิดโอกาสให้มีการลงทุนในด้านอื่นๆ นอกจากการเงินเพียงอย่างเดียว

ความยืดหยุ่นของเครือข่ายคือกุญแจในการเติบโตของคริปโต

นาย Buterin กล่าวว่าอุปสรรคสำคัญที่ท้าทายอุตสาหกรรมคริปโตอยู่คือปัญหาความยืดหยุ่นที่ไม่เพียงพอ เขากล่าวว่าการพัฒนาความยืดหยุ่นของระบบจะเพิ่มความสามารถในการปรับตัวให้แก่สกุลเหรียญนั้นๆ อย่างมหาศาล เขากล่าวในสัมภาษณืของ The Star ว่า:

“ความยืดหยุ่นของเครือข่ายสำคัญมากเพราะตอนนี้บล็อคเชนของ Ethereum ถือว่าแออัดพอสมควร ถ้าคุณซึ่งเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่เข้ามาในระบบ ระบบจะไม่เพียงแออัดขึ้น แต่มันยังบีบให้เราแย่งชิงพื้นที่ในการทำการแลกเปลี่ยนกับทุกคนในระบบ ปกติต้นทุนที่มันแพงอยู่แล้วจะแพงขึ้นไปอีก 5 เท่า มีคนเรียกร้องให้ยุติไม่ให้มีใครมาเข้าร่วมในระบบมากขึ้นแต่ถ้าเราพัฒนาความยืดหยุ่นของระบบมันจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้”

นาย Buterin เสริมเพิ่มเติมว่าภายใต้โครงสร้างเดิมของ Ethereum คอมพิวเตอร์ที่จะทำการเทรดจำเป็นต้องยืนยันตัวตน ซึ่งเป็นการชะลอจราจรของเครือข่าย เขาให้ความเห็นว่าการลดการรักษาความปลอดภัยเล็กน้อยอาจจะช่วยให้ทีมงานสามารถลดความแออัดของเครือข่ายได้ ซึ่งทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบการรักษาความปลอดภัยจะแย่ลงหรือหายไปทั้งหมด

นอกจากประเด็นเรื่องความยืดหยุ่นแล้ว นาย Buterin ก็พูดถึงปัจจัยอื่นเช่นระบบรักษาความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ ความเป็นส่วนตัว ระบบการใช้งาน ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งเสริมความสามารถในการปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดของเหรียญคริปโต

สังคมที่รับรู้การมีอยู่ของ Blockchain มากขึ้น

นาย Buterin พูดถึงสังคมปัจจุบันที่เริ่มรับรู้การมีอยู่ของ Blockchain มากขึ้นจนเขายังตกใจ เขาเล่าว่า:

“ห้าปีที่แล้ว ทุกคนคิดว่า Blockchain เป็นเรื่องของ Bitcoin เท่านั้น แต่ตอนนี้สังคมรับรู้ว่าความหมาของมันกว้างกว่านั้น มันครอบคลุมพื้นที่มากมายซึ่งหลากหลายมาก”

นาย Buterin เพิ่มเติมว่าการควบคุมทางกฎหมายก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาของ Blockchain เขาเล่าว่าเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐบาลและองค์กรมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งนาย Buterin บอกว่าเขาเองก็รู้สึกตกใจเนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐเริ่มมีการเตรียมตัวที่จะรับมือกับ Blockchain มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่มา coinspeaker

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น