<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สื่อนอกเผย การปิดตัวลงของ Bx นั้นมีสาเหตุมาจากกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นจนเกินไป

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สื่อนอกนามว่า BTC Manager ได้ออกมาเผยว่าการประกาศปิดตัวลงของเว็บกระดานซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่อยู่คู่ชาวไทยมาถึง 5 ปีอย่าง Bx นั้นมีที่มาจากกฎเกณฑ์การกำกับเว็บกระดานซื้อขายเหรียญคริปโตในประเทศไทยที่เข้มงวดมากจนเกินไป

โดยพวกเขาได้อ้างอิงแหล่งข่าวบางกอกโพสต์ เกี่ยวกับการปิดตัวลงของ Bx ซึ่งพวกเขากล่าวว่า การปิดตัวลงในครั้งนี้อาจเกิดขึ้นจากการที่กระดานแลกเปลี่ยน Bx.in.th นั้นตัดสินใจไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ที่เข้มงวดของ ก.ล.ต. จึงเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องประกาศไม่ต่อ License ในปีหน้า

การให้ข้อมูลลูกค้า

ตามสยามบล็อกเชนได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วว่า BX.in.th หนึ่งในการแลกเปลี่ยน Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ตัดสินใจเลิกกิจการ โดยการตัดสินใจปิดลงของ BX ทำให้เกิดการเทขายอย่างตื่นตระหนกและส่งผลทำให้ Bitcoin มีการซื้อขายลดลงอยู่ที่ 9,000 ดอลลาร์ ซึ่งเฉลี่ยต่ำกว่าทั่วโลกอยู่ราว ๆ เกือบ 500 ดอลลาร์ในขณะนั้น

ดูเหมือนว่าการที่ Bx.in.th ตัดสินใจเลิกกิจการในครั้งนี้อาจเกิดจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบของ ก.ล.ต. ซึ่งทาง Bx.in.th รู้สึกว่าไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องเหล่านั้นได้ นอกจากนี้คุณ ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งบริษัท Satang Corporation ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินในประเทศได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โดยกล่าวว่า

“ BX อาจกังวลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการค้ากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากทาง ก.ล.ต. ต้องการตรวจสอบราคาธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ทุกวัน”

จากข้อมูลของคุณ ปรมินทร์ หมายความว่าการที่ BX.in.th ปิดตัวลงในครั้งอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังต่อต้านการให้ข้อมูลประเภทนี้แก่หน่วยงานกำกับดูแลกฎหมาย ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่กระดานแลกเปลี่ยนในประเทศไทยปิดตัวลง หลังจากมีการตรวจสอบทางกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น

ตอนนี้ BX และกระดานแลกเปลี่ยนอื่น ๆ กำลังเผชิญกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความสามารถในการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างประเทศ ดังนั้นพวกเขาอาจถูกบีบให้ย้ายไปอยู่ในเขตอำนาจศาลที่เข้มงวดน้อยกว่า

Bx กับ DSI

นอกจากนี้เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2017 ที่ผ่านมา ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานไปแล้วว่าผู้ก่อตั้งเว็บ Bx นายเดวิด บาร์นส์ เคยถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เชิญไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีการฉ้อโกงบนอินเทอร์เน็ต โดยในขณะนั้นเขาให้สัมภาษณ์ว่า

“ทางเรากำลังร่วมมือกับ DSI เกี่ยวกับคดีฉ้อโกงเงิน แต่ผมไม่สามารถให้รายละเอียดตรงนี้ได้มากนักเพราะเรากำลังสืบกันอยู่”

ซึ่งเป็นไปได้ไหม ว่าในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ มีคดีฉ้อโกงและแชร์ลูกโซ่ที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency ที่เพิ่มมากขึ้น และอาชญากรเหล่านั้นอาจใช้ Bx เป็นเว็บปลายทางเพื่อฟอกเงิน และเปลี่ยนคริปโตมาเป็นเงินบาท และความลำบากที่ประกอบกับความยุ่งเหยิงในด้านของการตรวจสอบ KYC นี้เองที่อาจสร้างความปวดหัวให้กับทีมงานของ Bx จนพวกเขาไม่อาจทนมันไหวอีกต่อไป จนเป็นเหตุที่ทำให้ต้องปิดกิจการลงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางสยามบล็อกเชนยังคงไม่ได้รับการตอบกลับจากนายเดวิดหลังจากที่ส่งขอความไปแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูการประกาศจาก Bx กันต่อไป

อ่านเพิ่มเติม: [วิเคราะห์] ทำไมเว็บเทรด Bitcoin เบอร์หนึ่งในไทยที่ทำกำไรกว่า 200 ล้านบาทอย่าง Bx ถึงปิดตัวลง

ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยกระตือรือร้นที่จะปกป้องนักลงทุน

ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยต้องการให้นักเทรดและนักลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ได้รับความคุ้มครองที่แข็งแกร่งและพวกเขาต้องการป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล

จากข้อมูลของ ดร. ภูมิ ภูมิรัตน์ ที่ปรึกษาด้านไอทีของ ก.ล.ต. กล่าวว่าแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต เช่น BX เลือกที่จะเดินทางออกนอกประเทศ การที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม ดร. ภูมิ ภูมิรัตน์ยังได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกด้วยว่า กระดานแลกเปลี่ยนบางแห่งทราบดีว่า หากพวกเขาให้ข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียดแก่รัฐบาลมันจะไม่เป็นผลดีสำหรับลูกค้าของพวกเขา

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของไทยดำเนินการตามขั้นตอนในการสร้างกรอบทางกฎหมายสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการยอมรับคริปโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น