“ซื้อตามข่าวลือ ขายตอนข่าวออก”
ประโยคที่นักลงทุนหลายๆคนพร่ำสอนกันมาทุกยุคทุกสมัย และดูเหมือนว่าจะยังคงได้ผลอยู่ในทุกๆตลาดการลงทุน ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ในตลาด Bitcoin หรือ cryptocurrency ดั่งที่เราได้เห็นกันมาแล้วนักต่อนัก
ทว่าในกรณีของเว็บ Bx หรือเว็บซื้อขายเหรียญ cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บางทีถ้าหากจะนำแนวคิดข้างต้นมาปรับใช้อาจจะต้องนำมาสลับกัน โดยเมื่อวานนี้ได้มีข่าวลือในกลุ่ม community นักเทรดลงทุนเหรียญคริปโต (ไม่สามารถเปิดเผยที่มา) ที่ออกมาลือกันว่านาย David Barnes หรือผู้ก่อตั้งและ CEO ของเว็บเทรดชื่อดังที่ว่านี้กำลังจะเตรียมขายบริษัทและผลิตภัณฑ์ เว็บเทรด Bx ให้กับนักลงทุนไม่ทราบชื่อ เพื่อหลบหนีการสอบสวนของทางตำรวจ DSI และ กรมสรรพากร อีกด้วย
เมื่อข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปเรื่อยๆ ทางสยามบล็อกเชนจึงได้ส่งข้อความเพื่อไปสัมภาษณ์นายเดวิดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแหล่งข่าวลือที่ว่านี้ และก็เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อนายเดวิดเองนั้นก็รับรู้ถึงข่าวลือดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าปกติข่าวลือนั้นมักจะมีเกิดขึ้นมาประจำอยู่แล้ว และก็มักจะหายไปตามปกติ
โดยอ้างอิงจากนยา David Barnes นั้น เขาได้ออกมาบอกปัดข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พร้อมกับบอกว่าส่วนตัวทาง Bx นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางรัฐบาลไทยและ DSI ในด้านการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ที่กระทำความผิดด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
“หนี DSI หรอ นั่นมันข่าวลือทั้งเพ พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อทาง DSI และพวกเราพร้อมที่จะช่วยเหลือรัฐบาลไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว”
กล่าวโดยนาย David
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่นาย David ได้ไปเข้าพบ DSI ในวันนี้เพื่อช่วยให้ข้อมูลกับทางชุดตำรวจสืบสวนไขคดีเกี่ยวกับอาชญกรทางด้านคอมพิวเตอร์ที่มีการโกงเงินกันเกิดขึ้น ทว่าเขานั้นไม่ได้ให้รายละเอียดตรงนี้มากนัก เนื่องจากว่าคดีดังกล่าวยังอยู่ในช่วงสืบสวนและสอบสวนจึงไม่สามารถรั่วไหลข้อมูลออกมาได้
“ทางเรากำลังร่วมมือกับ DSI เกี่ยวกับคดีฉ้อโกงเงิน แต่ผมไม่สามารถให้รายละเอียดตรงนี้ได้มากนักเพราะเรากำลังสืบกันอยู่”
กล่าวเพิ่มโดยนาย David
สิ่งที่หลายๆคนกลัวมากที่สุดคือการขายกิจการ ทว่า CEO ของ Bx นั้นก็ได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงว่าตัวเขานั้นก็ยังคงเปิดกว้างสำหรับข้อเสนอในการขอซื้อกิจการแต่เขาก็ยังคงต้องเลือกลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อว่าจะต้องเป็นกลุ่มคนที่มี “คุณสมบัติ” ตามที่เขาตั้งไว้ อย่างเช่นกลุ่มสถาบันการเงิน, ธนาคาร หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในวงการนี้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่มี
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1”]
“ผมกำลังพิจารณาขายหุ้นหรือส่วนแบ่งของบริษัทให้กับหุ้นส่วนที่มีคุณสมบัติสูงมาก ตามที่ผมตั้งไว้ เช่นสถาบันการเงินหรือธนาคาร และคนที่มีความสามารถมากในวงการด้านนี้”
กล่าวโดยนาย David
ซึ่งเขายังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าทาง Bx นั้นให้ความสำคัญกับเงินลงทุนของลูกค้ามาเป็นอันดับ 1 และจะมีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น
“ทางเรายกให้ความสำคัญของเงินลงทุนของลูกค้าบน Bx มาเป็นอันดับ 1 ดังนั้นทางเราคงจะไม่มอบกุญแจให้กับใครก็ไม่รู้ เพราะมิฉะนั้นทางลูกค้าจะเกิดความเสี่ยง”
กล่าวโดยนาย David Barnes
อาชญากรรมด้านไซเบอร์กำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเลขของอาชญากรรมบน Ethereum ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในในช่วงนี้ โดยเฉพาะการซื้อขาย ICO ที่มีการฉ้อโกงกันจนเกิดความเสียหายไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 225 ล้านดอลลาร์ และดูเหมือนว่าจะยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นี่ยังไม่รวมความเสียหายจากการเข้ายึดและปิดเว็บเทรด Bitcoin ชื่อดังนามว่า BTC-e ที่ก่อนหน้านี้ถูกทาง FBI ของสหรัฐฯเข้าบุกยึด server และยึด Bitcoin รวมถึงเงินลงทุนของลูกค้าไปเกือบหมด จนทาง BTC-e ถึงกับต้องมีแผนการออกเหรียญใหม่เพื่อมาชดเชยลูกค้าที่สูญเสียเงินตรงนั้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
คุณปรมินทร์ อินโสม เจ้าของ Zcoin นั้นออกความเห็นว่านักลงทุนสายคริปโตนั้นไม่ควรที่จะเก็บเงินลงทุนของพวกเขาไว้บนเว็บเทรดเป็นจำนวนมาก เพราะเนื่องจากสิ่งที่ไม่คาดฝันนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจจะเป็นเหมือนกับกรณีของ BTC-e โดยเขากล่าวว่า
“จริงๆ ก็ไม่ควรเอาตังไปอยู่ใน exchange เยอะๆ อยู่แล้วน่ะครับ รัฐเอาไงไม่รู้ ม.44 เปลี่ยนได้ทุกสถานการณ์”
ภาพจากนาย David Barnes
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น