อย่างที่เรารู้กันดีว่าในช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมาหรือจะเรียกว่าตลอดทั้งปีก็ว่าได้ที่ตลาด Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่ซบเซาเป็นอย่างมากก่อนที่เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมาราคาจะมีการดีดตัวขึ้นและปรับตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
จนเมื่อเดือนก่อนที่ผ่านมาสามารถทะลุแนวต้านที่ 10,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งก่อนที่จะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 14,000 ดอลลาร์และถูกเทกลับลงมาอย่างรุนแรงจากแรงขายที่มีมากซะเหลือเกินจนราคาหลุดแนวรับ 10,000 ดอลลาร์ลงมาอีกครั้ง และหยุดอยู่ที่ระดับ 8,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับขึ้นไปอย่างรุนแรงจนเกือบจะกลับไปที่ 10,000 ดอลลาร์ได้
โดยหลายฝ่ายได้ให้เหตุผลของการกลับมาในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะประเทศจีนได้มีการประกาศสนับสนุน Blockchain และคริปโตเคอเรนซี่อย่างจริงจังจากท่านประธานาธิบดี Xi Jinping รวมไปถึงได้มีการผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่ให้สามารถเริ่มใช้งานได้จริงในต้นปีหน้า
นอกจากนี้แล้วยังมีนักวิเคราะห์ทั้งหลายออกมาชี้ให้เห็นว่าการลงในครั้งนี้ของ Bitcoin ดูจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าอันเนื่องมาจากการที่เจ้ามือหรือเหล่าวาฬทั้งหลายกระสุน Bitcoin ของพวกเขากำลังจะหมดลงแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองที่ทำให้ราคาของ Bitcoin ตลอดทั้งปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแทบจะตลอดทั้งปี 2019
ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก่อนเดือนตุลาคมแท่งเทียนรายเดือนของ Bitcoin นั้นเต็มไปด้วยสีแดงและราคาที่ลดลงอย่างหนักแต่ในที่สุดราคาของ Bitcoin ก็สามารถกลับตัวได้ในที่สุดจากข่าวในช่วงท้ายเดือนดังที่กล่าวไปข้างต้น และทำให้ราคาของ Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงกราฟแท่งเทียนในแบบรายเดือนปิดเป็นสีเขียวได้ครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้รูปแบบของกราฟดูจะมีแนวโน้วไปในทิศทางที่เป็นขาขึ้นและตลาดกระทิงกำลังจะกลับมาอีกครั้งภายในสิ้นปี 2019
$BTC – still flagging on the monthly #bitcoin chart with candle bodies holding in the channel… pic.twitter.com/HedhKweSwy
— Big Chonis⚔️Flux Trading Group? (@BigChonis) November 1, 2019
สัญญาณตลาดกระทิงอีกครั้งในปี 2019
หากย้อนกลับไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 ราคาของ Bitcoin ถูกจำกัดไว้ให้อยู่ในกรอบซื้อขายที่แคบและ Sideway เป็นอย่างมาก ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้หลายคนต่างถอดใจออกจากตลาดกันไปโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยทั้งหลายที่ต่างทยอยเลิกสนใจและออกจากตลาดคริปโตเคอเรนซี่กันไป แต่หารู้ไม่ว่าในช่วงเวลาเหล่านี้เองที่นักลงทุนและผู้เล่นหลักทั้งหลายต่างเก็บของกันอย่างสนุกสนานจากความกลัวของนักลงทุนรายย่อยทำให้พวกเขาได้ราคาของ Bitcoin ในราคาที่ต่ำที่สุดไป
ก่อนที่ในไตรมาสที่ 2 ราคาของ Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่จะมีการปรับตัวขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัดเป็นครั้งแรงหลังจากการ Sideway มาอย่างยาวนานและพึ่งไปแตะจุดสูงสุดของปีที่ 14,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะถูกเทขายอย่างรุนแรงลงมาและพักตัวอยู่ที่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ซึ่งหลาย ๆ คนมองว่านี้เป็นการตั้งธงของรูปแบบ bull flag หรือ รูปธงขาขึ้น จากการปิดแท่งเขียวของราคา Bitcoin เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นนักลงทุนหรือนักเทรดมักจะมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์เคลื่อนไหวของราคาและการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้วต่าง ๆ ซึ่งในรูปแบบดังกล่าวนั้นค่อนข้างจะเป็นแนวโน้วที่ดีและรูปแบบธงขาขึ้นก็มักจะพบเห็นได้บ่อยครั้งที่สุด ซึ่งรูปแบบดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการที่ราคาของ Bitcoin สามารถทะลุแนวต้านทำให้เกิดเป็นแรงส่งครั้งใหญ่ทั้งจากพลัง FOMO ของผู้คนที่ไม่อยากจะพลาดราคาและการตั้ง Stop Loss รวมถึงล้างพอร์ตทั้งหลายจากผู้ที่เล่นในตลาดซื้อขายล่วงหน้าด้วยเช่นกัน
ซึ่งส่งผลทำให้รูปแบบของธงขาขึ้นหรือ Bull Flag เสร็จสมบูรณ์จากการที่มีเสายาวหนึ่งแท่งเมื่อเดือนมิถุนายนก่อนที่ในอีก 3 เดือนถัดมาจะเป็นแท่งแดงติดต่อกันเป็นรูปแบบ Three black crows reversal ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะลงต่อ
แต่โชคดีเป็นอย่างมากที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาปิดเขียวได้สำเร็จและสิ้นสุดการเป็นตลาดหมีระยะสั้นของ Bitcoin ได้สำเร็จ นอกเหนือจากนี้และมันยังทำให้แนวโน้มเปลี่ยนไปและเห็นภาพกว้างได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าตลาดกำลังก่อไปในทิศทางที่ดีและอาจจะได้เห็นการขึ้นไปทดสอบเป้าหมายที่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญถ้าหากราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้อีกครั้ง
โดยเป้าหมายสำหรับการเกิดรูปแบบธงขาขึ้นก็คือระดับราคาที่ 14,000 ดอลลาร์ในจุดที่ราคาของขึ้นไปทดสอบเก่าและถูกตีกลับลงมาอย่างรุนแรง ซึ่งหากการขึ้นไปของราคา Bitcoin นี้สำเร็จและพังแนวต้านที่ 14,000 ดอลลาร์ได้จริง จะเป็นการยืนยันได้ว่าเลยว่าตลาดกระทิงของ Bitcoin กำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ถูกตีกลับจนเป็นตลาดหมีมาสักพักนั้นเอง
อย่างไรก็ตามหากรูปแบบธงขาขึ้นหรือ Bull Flag ดังกล่าวถูกพังลงจะทำให้แนวโน้มของ Bitcoin ยังคงอยู่ในขาลงและจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอีกครั้งก่อนที่จะกลับไปอยู่ในจุดที่หลาย ๆ คนไม่อยากเจอ
ที่มา : newsbtc
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น