<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์ PlanB คาดราคา Bitcoin จะทะยานไปแตะ 1 ล้านดอลลาร์หากวิเคราะห์จากโมเดลของเขา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดคริปโตในช่วงนี้ค่อนข้างจะนิ่งพอสมควรหลังจากที่มันสร้างความฮือฮากระโดดจากระดับราคา 7,000 ดอลลาร์ไปสู่ระดับราคา 9,000 ดอลลาร์ ทำให้เหรียญคริปโตอื่น ๆ ทะยานไปตาม ๆ กัน เรามาดูกันว่าแต่ละเหรียญมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง

Bitcoin

นักวิเคราะห์คริปโตที่ใช้ stock-to-flow ในการวิเคราะห์ Bitcoin ได้นำโมเดลที่ว่ามันไม่ได้สร้างมาเพื่อให้คงอยู่ตลอดไป และใช้โมเดลนี้นำมาวิเคราะห์ซัพพลายที่หมุนเวียนในตลาดเทียบกับซัพพลายใหม่ที่เข้ามาสู่ตลาดได้พิสูจน์แล้วว่ามันส่งผลต่อราคา Bitcoin

นักวิเคราะห์ PlanB มองว่า BTC อาจไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2021 และพุ่งแตะ 1 ล้านดอลลาร์ในปี 2025

PlanB ยังเผยอีกด้วยว่าถ้าโมเดลที่เขาใช้มันยังแม่นยำอยู่จนถึงการ Halving อีก 2-3 ครั้งหรืออีกประมาณ 4.5 ถึง 8.5 ปี เขาจะแฮปปี้มาก ๆ

นอกจากนี้เขายังโพสต์ทวิตเตอร์ต่อไปอีกด้วยว่าปกติแล้วเค้าไม่ใช้โมเดลทางสถิติทำนายอนาคตที่ไกลมาก ๆ 120 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เค้าจะใช้โมเดลในการวิเคราะห์ราคาในอีก 1-3 ปีข่างหน้า โดยเฉพาะ BTC แต่ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเพราะ FED ก็ใช้มาตรการ QE (พิมพ์ธนบัตรเพิ่ม) อย่างที่ได้เห็นกัน

Ethereum

ส่วนเหรียญ Ethereum นั้นนักวิเคราะห์จาก Dragonfly Research ได้โพสต์ในบล็อก Medium ว่า Ethereum อาจไม่ได้มีการ Fork เหรียญแล้ว นักเขียน Leland Lee และ Haseeb Qureshi ได้วิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีเกมจะเห็นว่า Ethereum อาจไม่มีการแยกเชนอีกแล้วเพราะความอ่อนแอของระบบการเงินแบบ Decentralized ( DeFi) ของ Ethereum เอง

ซึ่งก็ทำให้ผู้ก่อตั้งของ Ethereum นาย Vitalik Buterin ออกมาแสดงความเห็นประเด็นที่ dApp ของ Ethereum ที่ดูเหมือนว่ามันจะถูกควบคุมด้วยระบบปฏิบัติการของพวกเขา

Ripple และ XRP

วีดีโอที่ทำการสัมภาษณ์กับ XRPL Labs นั้นได้ออกมาแล้ว ชื่อวีดีโอว่า “The XRP Drop” ซึ่งทางบริษัทก็ได้ออกมาเผยว่ากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่บน XRP Ledger รวมถึงแอปพลิเคชั่นชำระเงินทางมือถือ, เว็บเทรดที่ Decentralized และระบบปฏิบัติการ Cold Storage

Litecoin

จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับผู้ก่อตั้ง Litecoin นาย Charlie Lee ได้ออกมาเปิดเผยถึงการที่แพลตฟอร์มเลือกใช้ MimbleWimble ในการทำธุรกรรมแบบส่วนตัว

สิ่งที่เขากำลังทำอยู่คือเพื่อทำให้มั่นใจว่าประวัติการทำธุรกรรมของ Litecoin จะไม่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของมัน

“จากมุมมองของผม ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยคือคุณสมบัติของการใช้แทนกันได้ (Fungibility) เพราะงั้นผมเลยมองว่าการที่ BTC หรือ LTC จะถูกนำไปใช้แทนเงินสดมันต้องมีคุณสมบัตินี้ BTC, LTC ที่คุณใช้มันควรจะมีค่าเท่ากับเหรียญที่คุณมี มันควรจะเป็นแบบนี้ ยกตัวอย่างคือ เมื่อคุณเดินเข้าร้านกาแฟแล้วต้องชำระค่ากาแฟ 20 ดอลลาร์จากวอลเล็ทมันไม่ควรที่จะมานั่งคิดว่าคุณจะใช้เหรียญไหนดี เพราะสำหรับคุณเหรียญทั้งหมดมันก็แทนกันได้

สิ่งที่ผมยกตัวอย่างไปมันยังไม่เกิดขึ้นจริงกับ Litecoin และมันเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่จะพัฒนา เพราะผมคิดว่าถ้าหากอยากให้มันใช้ได้เหมือนเงินสดจริง ๆ ต้องเสริมให้ Litecoin สามารถใช้แทนกันได้ และเมื่ออยากให้มันใช้แทนได้ต้องยิ่งมีความเป็นส่วนตัว เพราะถ้าหากประวัติการทำธุรกรรมมันไม่เป็นส่วนตัว คุณสามารถทำการเซ็นเซอร์ธุรกรรมได้ ซึ่งมันทำให้เหรียญไม่มีคุณสมบัติใช้แทนได้ขึ้นมาทันที”

ที่มา : dailyhodl

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น