<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตัวชี้วัดเผยหากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยราคา Bitcoin อาจพุ่งขึ้นสู่ 100,000 ดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในเดือนพฤษภาคมปีหน้าจะมีเหตุการณ์ Bitcoin halving เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการลดรางวัลของการขุดบล็อกในเครือข่ายลงครึ่งหนึ่งและ Bitcoin ก็จะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่หายากมากขึ้นกว่าเดิม

โดยในระหว่างการสัมภาษณ์กับทาง U.Today เมื่อเร็ว ๆ นี้นาย John McAfee ผู้ที่คลั่งไคล้ในคริปโตเคอเรนซีและเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า Bitcoin จะกลายเป็น ‘เหรียญภาวะเงินฝืดตัวแรก’ ในโลกของคริปโตเคอเรนซี่ นับตั้งแต่ที่ Bitcoin กว่า 7 ล้านเหรียญได้หายไปจากเครือข่าย

ราคา Bitcoin อาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2020

เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิเคราะห์ คริปโต ‘Crypto Einstein’ (@BitcoinEinstein) ที่มีผู้ติดตามบนทวีตเตอร์เกือบ 40,000 คนได้ชี้ให้ทุกคนเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin หลังจากที่มีเหตุการณ์ Bitcoin’s halving 

โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากที่เกิดขึ้นเหตุการณ์ Bitcoin halving ครั้งที่ 2 ราคา Bitcoin ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาลในปี 2018 

แต่ถึงกระนั้นก็มีบางคนที่เชื่อว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ halving ราคา Bitcoin จะร่วงลดลง เนื่องจากนักขุดจำนวนมากอาจเลือกที่จะยอมแพ้และออกจากเครือข่ายไป

ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่เชื่อมั่นว่าราคา BTC จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการชะลอตัวของหนี้สหรัฐและนโยบาย QE หรือมาตราการอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต

ตามกราฟข้างต้นจะเห็นได้ว่าหากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยราคา Bitcoin อาจพุ่งแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์และ 300,000 ดอลลาร์ในเหตุการณ์ Halving ครั้งที่สี่

อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนยังได้มีการรายงานไปแล้วว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14,000 ดอลลาร์ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเหตุการณ์ Halving ในปีหน้า 

13,000 ดอลลาร์อาจเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุด

ในขณะที่เขียนบทความนี้ Bitcoin ได้มีการเสนอราคาอยู่ที่  7,682 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coin360 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์คริปโตบางรายเชื่อว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13,000 ดอลลาร์หลังจากที่มีมันการซื้อขายในไซด์เวย์มาอย่างยาวนานกว่าสองสามเดือน

แต่กระนั้นบางคนก็เชื่อว่า Bitcoin อาจกลับสู่ช่วงขาลงในเร็ว ๆ นี้โดยคาดว่า Bitcoin จะร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 6,300 ดอลลาร์

ที่มา : u.today 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น