อ้างอิงจากข้อมูลบน Blockchain ของ Bitcoin แล้วพบว่าอัตราการขุดเหรียญดังกล่าวนั้นได้เพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่แล้วในช่วงไม่นานมานี้ โดยมีอัตราการขุดในเครือข่ายที่ 119 EH/s ซึ่งกรณีดังกล่าวส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความกลัวในความไม่แน่นอนว่าจะเกิดเหตุการณ์ตลาดล่มลงเมื่อใดกันแน่ ดังนั้นแล้วแม้ว่าเหรียญดังกล่าวจะยังมีการเปลี่ยนแปลงราคาที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่เห็นได้ชัดว่าเครือข่าย Bitcoin นั้นได้กลับมาเข้มแข็งขึ้นอีกครั้งแล้ว
Bitcoin starting 2020 with a BANG.
Hash Rate hit a new all time high on 1/1/2020: 119M TH/s.
Finally broke above the last ATH set more than 2 months ago in October.
Bitcoin Network stronger than ever before ?
Happy New Year! ? pic.twitter.com/c0dfvewXfy
— Charles Edwards (@caprioleio) January 2, 2020
ในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมานั้นอัตราการขุดเหรียญ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นอย่างมากจากเพียงแค่ 38EH/s ไปสู่ระดับที่มากกว่าช่วง 100 EH/s ซึ่งคิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงกว่า 162% นั่นเอง โดยกรณีดังกล่าวนั้นเป็นผลมาจากช่วงที่ตลาดการขุดเหรียญนั้นอ่อนแอลงในช่วงที่ราคาร่วงลงไปถึง 3,100 ดอลลาร์
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาของตัวเหรียญในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 95% แล้วจะพบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงบนเครือข่ายนั้นมีความเข้มแข็งมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคา
นอกจากนี้แล้วในช่วงปีก่อนนั้นยังได้มีการคาดการณ์ว่าปริมาณของเหล่านักขุดนั้นจะลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 เนื่องจากระดับราคาที่ลดลงอย่างมาก แต่กลับกลายเป็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นกลับตาลปัดเนื่องจากอัตราการขุดในระบบยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเหล่านักขุดกำลังกอบโกยเหรียญให้ได้มากที่สุดก่อนการ Halving ที่จะมาถึงในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงล่าสุดนี้ดูเหมือนว่าจะแสดงถึงการกลับมาของขาขึ้นสำหรับ Bitcoin ก็ตาม แต่ได้มีบุคคลในวงการบางรายออกมาเห็นแย้ง อย่างเช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งในชื่อ VoskCoin ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการดำเนินรายการเกี่ยวกับการขุดเหรียญผ่านช่องทางยูทูป โดยตัวเขาได้กล่าวอธิบายไว้ว่าการที่อัตราการขุดเพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะว่าเหล่านักขุดได้ทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นแล้วการเพิ่มขึ้นของอัตราดังกล่าวนั้นก็อาจไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการการขุดเหรียญที่มากขึ้นเสมอไป
นอกจากนี้แล้วนาย VoskCoin ยังได้ออกมาชี้ให้เห็นถึงอีกประเด็นสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือการที่องค์กรหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้นมีศักยภาพการขุดที่สูงมาก อย่างเช่นที่เกิดขึ้นคือกรณีที่อัตราการขุดในระบบกว่า 66% นั้นมาจากประเทศจีน เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ระบบนั้นมีความมั่นคงปลอดภัยลดลงจากการกระจุกตัวของอัตราการขุดเหรียญนั่นเอง
ที่มา : u.today
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น