ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่ร้อนระอุระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศมหาอำนาจจากฝั่งตะวันออกกลางอย่างอิรัก ซึ่งได้เลวร้ายมากยิ่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์การถล่มขีปนาวุธทางอากาศโดยกองทัพสหรัฐฯที่ส่งผลให้ผู้นำเหล่าทัพของทางอิรักอย่างนายพล Qassem Soleimani ได้เสียชีวิตลงอีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้ทางประเทศอิรักแสดงท่าทีโต้ตอบโดยการประกาศว่าจะทำการผลักดันให้เหล่ากองทัพของสหรัฐฯในพื้นที่ตะวันออกกลางนั้นต้องถอนกำลังออกไป โดยส่งผลให้ทางประเทศอิรักนั้นเข้าโจมตีฐานทัพของทางสหรัฐฯในพื้นที่กว่าสองแห่งเพื่อเป็นการตอบโต้การดำเนินการดังกล่าวของทางสหรัฐฯอีกด้วย ซึ่งการดำเนินการในรูปแบบนี้จะยิ่งส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างประเทศนั้นเพิ่มขึ้นและอาจนำไปสู่การก่อส่งครามระหว่างประเทศได้
อย่างไรก็ตามทางประเทศสหรัฐอเมริการนั้นได้อ้างว่านายพล Qassem Soleimani นั้นได้เป็นผู้นำในการวางแผนการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯกว่าสี่แห่ง ซึ่งแม้ว่าท่าทีของทางสหรัฐฯนั้นจะลดความรุนแรงที่อาจนำไปสู่สงครามลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลสหรัฐฯนั้นได้เปลี่ยนจากการใช้อำนาจทางการทหารมาเป็นการโจมตีทางเศรษฐกิจต่อประเทศอิรักแทน โดยการดำเนินการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมโลหะของประเทศดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้แล้วแหล่งข่าวหลักอย่าง Wall Street Journal นั้นยังได้มีการรายงานข่าวถึงการข่มขู่จากรัฐบาลสหรัฐฯต่อประเทศอิรักถึงการตัดการเข้าถึงบัญชีเงินฝากของธนาคารกลางของประเทศซึ่งได้ดำเนินการฝากไว้กับธนาคารเงินสำรองของสหรัฐฯ ณ เมืองนิวยอร์ก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้เนื่องจากรายได้จากการค้าน้ำมันของประเทศส่วนใหญ่นั้นได้ถูกฝากไว้ในบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์นั่นเอง
สถานการณ์เหล่านี้เองเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเหล่าสกุลเงินคริปโตที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เนื่องจากการดำเนินการในปัจจุบันรวมทั้งปัญหาต่างๆทางการเมือง, เป้าหมายทางเศรษฐกิจ หรือนโยบายต่างๆนั้นยังเมิณเฉยต่อระบบการเงินแบบใหม่อย่างสกุลเงินคริปโตหรือแม้แต่ระบบการเงินซึ่งไม่จะเป็นต้องอาศัยสถาบันทางการเงินในการเข้ามาเป็นตัวกลางในการอนุญาตหรือปฏิเสธธุรกรรมต่างๆอยู่
The weaponization of fiat currencies, payment railways and central banks continue during conflicts and everyday life. It’s only matter of time people start adopting independent, apolitical, non-sovereign monies and payment railways, such as #Bitcoin. https://t.co/M9vNfL1mNl
— Gabor Gurbacs (@gaborgurbacs) January 12, 2020
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและผู้สนับสนุนสกุลเงินคริปโตหลายรายก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวโดยหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทด้านการบริหารการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง VanEck นาย Gabor Gurbacs นั้นได้ออกมากล่าวว่าการดำเนินการใช้สกุลเงินและช่องทางการดำเนินการทางการเงินโดยธนาคารกลางเป็นอาวุธเมื่อเกิดความขัดแย้งต่างๆขึ้นนั้นจะยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่ทุกคนต่างหันมาใช้งานสกุลเงินซึ่งเป็นอิสระจากรัฐบาลอย่างเช่น bitcoin นั่นเอง
This kind of blatant extortion is why countries will move to #bitcoin – https://t.co/Iri0v0lkYP
— The Crypto Lark (@TheCryptoLark) January 12, 2020
นอกจากนี้แล้วยูทูเบอร์อย่าง The Crypto Lark นั้นยังได้กล่าวในทิศทางเดียวกันว่าการใช้กำลังหรืออำนาจในการบังคับขู่เข็ญในลักษณะนี้เป็นเหตุผลอย่างดีที่ประเทศต่างๆนั้นจะหันมาใช้สกุลเงินคริปโตอย่าง Bitcoin
Governments are weaponizing money, thereby degrading it to function as money. Today Iran, tomorrow they cut you off. Protect yourself with #bitcoinhttps://t.co/TZWJqJMoK3
— PlanB (@100trillionUSD) January 11, 2020
นักวิเคราะห์ในวงการคริปโตซึ่งใช้ชื่อบัญชีทวิตเตอร์ว่า PlanB นั้นยังได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเหล่ารัฐบาลนั้นกำลังใช้เงินเป็นอาวุธซึ่งการดำเนินการแบบนี้ยิ่งทำให้คูณค่าของมันในการเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนนั้นลดลงไปอีก โดยวันนี้กรณีอาจเกิดขึ้นกับแค่ประเทศอิรัก แต่ในอนาคตนั้นอาจจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่จะช่วยเราได้คือการใช้งานสกุลเงินคริโตอย่าง Bitcoin นั่นเอง
ที่มา: Dailyhodl
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น