เมื่อเร็ว ๆ นี้นาย Greg Rubin อดีต CEO ของบริษัทเหมืองแร่ทองคำเปิดเผยว่าตอนนี้บริษัทได้ผันตัวเองไปเป็นบริษัทสตาร์ทอัพคริปโตข้ามชาติแห่งแรกในเวเนซุเอลา โดยมีชื่อว่า First Bitcoin Capital Corp และเพิ่งได้จดทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นาย Greg Rubin กล่าวว่าเขากำลังจะทำการเชื่อมโยงตู้ ATM BITCOIN หลายพันเครื่องที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการขนาดเล็กรวมเข้ากับกฎระเบียบข้อบังคับ KYC , การตรวจสอบธุรกรรมและโซลูชั่นการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับอื่น ๆ
ปัจจุบันตู้ ATM BITCOIN กำลังเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าควบคุมดูแลในเรื่องนี้ โดยจากข้อมูลของ CoinATMRadar พบว่าตอนนี้มีตู้เอทีเอ็มกว่า 6,535 เครื่องที่ถูกติดตั้งแล้วทั่วโลก
โดยเครือข่าย Bitcoin ATM ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2015 ภายใต้สิทธิบัตร U.S. 9,135,787 B1 ในชื่อ ‘Bitcoin Kiosk/ATM’ และถูกควบคุมโดยกฏหมาย ‘First Bitcoin’ อ้างอิงตามข้อมูลในเอกสารของ SEC
นาย Rubin กล่าวยืนยันว่าสิทธิบัตรเหล่านี้ควรเป็นมากกว่ากฎหมายและเขาไม่ต้องการให้มันเป็นเพียงแค่สิทธิบัตรเท่านั้น เขากล่าวว่ามีบ่อยครั้งที่ผู้คนมักอ้างถึงทรัพย์สินทางปัญญาและฟ้องผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะจบลงด้วยการชดเชยค่าเสียหายและการฟ้องร้องคดี
ดังนั้นแล้วองค์กร First Bitcoin จึงได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องนี้และเตรียมนำสิทธิบัตรเข้ามาใช้ในหมู่ของผู้ประกอบการ ซึ่งนาย Rubin คาดว่าการรวมผู้ให้บริการตู้ ATM BITCOIN ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ซึ่งองค์กร First Bitcoin จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมแบบคงที่และสามารถเทียบได้กับค่าธรรมเนียมของตู้ ATM ทั่วไป นอกจากนี้มันยังจะช่วยให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบในท้องถิ่นและภาระด้านกฎระเบียบผ่านทางเครือข่ายอีกด้วย
นาย Rubin เชื่อว่าผู้ประกอบการรายย่อยควรจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดในยุคโลกาภิวัตน์นี้และเขายังกล่าวอีกว่าในยุคที่ตู้ ATM BITCOIN มีมากมายหลายพันเครื่อง กฎระเบียบแบบเดิม ๆ จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งกฎระเบียบนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องอย่างที่มันควรจะเป็น
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น