<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เหลืออีกเพียง 100 วันก่อนการ Halving ของ Bitcoin เราจะสามารถทำกำไรจากมันได้จริงหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปี 2020 นี้ก็คงจะเป็นอีกปีที่สาวก Bitcoin เฝ้ารอคอยกัน เพราะมันกำลังจะมีเหตุการณ์สุดสำคัญอย่างการ Halving เกิดขึ้น โดยมันเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความหวังว่าจะพา Bitcoin ไปทำ All-time high อีกครั้งได้ แต่ก็แน่นอน ถึงแม้เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาในอดีตแล้ว ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

เมื่อวันพฤหัสที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา นาย Dan Morehead และนาย Joey Krug ผู้ร่วมก่อตั้ง Patera Capital กองทุนที่เน้นลงทุนในวงการ Blockchain ได้อัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์ของวงการคริปโตถึงเรื่องของ Halving ที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้

ถ้านับจากวันนี้ และตามที่หลาย ๆ คนประมาณกันว่าการ Halving จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม 2020 ก็จะเหลือเวลาอีกประมาณ 100 วันเท่านั้น เหรือ 3 เดือนนิด ๆ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในรอบหลายปีเลยก็ได้ที่ทั้งคนในและนอกวงการคริปโตต่างจับตามองกัน

อ้างอิงจาก Blockchain Letter ได้มีการอธิบายสรุปคร่าว ๆ ก่อนว่าการ Halving ของ Bitcoin นั้นหมายถึงอะไร

  • ในทุก ๆ 10 นาที จะมี Block ของ Bitcoin ถูกขุด
  • ในทุก ๆ Block จะมีรางวัลเป็น Bitcoin ให้นักขุด ซึ่งเมื่อการ Halving เกิดขึ้น จำนวนรางวัลที่นักขุดได้นั้นจะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มี Bitcoin ถูกสร้างเข้าไปในระบบน้อยลง
  • การ Halving นั้นถูกออกแบบมาให้เกิดขึ้นทุก ๆ 210,000 Blocks หรือคิดเป็นเวลาประมาณ 4 ปี โดยมันจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่า Bitcoin จะถูกขุดหมดที่ 21 ล้าน BTC

หากลองย้อนอดีตไป การ Halving ครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2016 ที่ รางวัลต่อ Block นั้นลดลงจาก 25 BTC เหลือ 12.5 BTC โดยในตอนแรกสุดเลยที่ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้น มันให้รางวัลต่อ Block ที่ 50 BTC

ถึงแม้ในอดีต จะมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างเหตุการณ์ Halving และการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ในไม่กี่เดือนให้หลังเนื่องจากชุมชนคริปโตจะรับรู้ว่า ‘จำนวน Bitcoin ในระบบนั้นกำลังจะน้อยลงแล้ว’ แต่ก็ไม่ใช่ทุก ๆ คนในชุมชนคริปโตที่คิดแบบนั้น

ความคิดที่ขัดแย้งกันในชุมชน

ในตอนนี้มีแนวคิดแตกแขนงออกไป 2 ทางเกี่ยวกับการ Halving ที่จะเกิดขึ้น:

  • พวกแรกคือ พวกที่เชื่อในทฤษฎี Efficient Market Hypothesis หรือ EMH ที่กล่าวว่า ราคาของสินทรัพย์นั้นจะสะท้อนกับข้อมูลทั้งหมดที่หาได้ พวกเขาเชื่อว่า ถ้าทุก ๆ คนรู้อยู่แล้วว่าการ Halving กำลังจะเกิดขึ้น ในตอนนี้ราคาของมันก็คือราคาที่แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดการทะยานอย่างรุนแรงในราคาของ Bitcoin สำหรับการ Halving ที่จะถึงนี้
  • พวกที่สองคือ พวกที่เชื่อว่า นักลงทุนรายย่อยทุก ๆ คน หรือแม้แต่นักลงทุนระดับสถาบันเองก็ตาม ไม่ได้เข้าใจใน Bitcoin พอที่จะรู้ว่าการ Halving ของมันคืออะไร กลุ่มนี้เลยเชื่อว่า เมื่อการ Halving เกิดขึ้นแล้ว ราคาของมันจะปรับตัวทะยานขึ้นตามแน่นอน

นาย Morehaead และ Krug ได้หยิบยกคำพูดของนักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffett มาบอกว่า พวกเขาไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะตลาด

อ้างอิงจากนาย Aaron Watson ที่ศึกษาจากหนังสือ “The Essays of Warren Buffett”  ได้หยิบคำพูดของนาย Buffett มาบอกด้วยว่า:

“นาย Buffett นั้นขอบคุณผู้ให้ความรู้ทุกคนที่สอนแนวคิดว่าไม่สามารถชนะตลาดได้กับคนอื่น ๆ เนื่องจากเขาได้ประโยชน์จากการแข่งในตลาดกับนักลงทุนเหล่านี้ที่ถูกสอนว่า การคิดวิเคราะห์เป็นสิ่งที่เปลืองพลังงาน”

ในจดหมาย Blockchain Letter ได้บอกอีกด้วยว่า ‘ถึงแม้เราจะคิดว่าทุก ๆ คนรู้อไรบางอย่างแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่สามารถทำกำไรมหาศาลจากมันได้’ และได้ทำการหยิบยืมมุกตลกขึ้นมาชี้ให้เห็นภาพในเชิงเศรษฐศาสตร์ด้วยว่า:

“มีนักเศรษฐศาสตร์ 2 คนเดินเล่นอยู่ และทั้งคู่ก็เห็นธนบัตร 20 ดอลลาร์วางอยู่ที่ข้างทาง คนแรกกล่าวว่า ‘ดูสิ นี่มันธนบัตร 20 ดอลลาร์นี่’ แต่คนที่สองกลับกล่าวว่า ‘มันไม่มีทางเป็นธนบัตร 20 ดอลลาร์วางไว้ตรงนั้นแน่ ๆ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น คนอื่น ๆ ก็คงจะหยิบมันไปแล้ว’ จากนั้นทั้งคู่ก็ปล่อยธนบัตรนั้นแล้วเดินต่อไป”

ในส่วนราคาของ Bitcoin ในปัจจุบันนั้น เพิ่งเริ่มปี 2020 มาก็มีทรงดีเลยจากระดับ 6,000 ดอลลาร์ไปสู่ 9,500 ดอลลาร์ได้สำเร็จในช่วงปลายเดือน

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 9,293 ดอลลาร์ ลดลง 1.24 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 26,616 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมที่ 169,094 ล้านดอลลาร์

แนวคิดทั้งสองนั้นก็น่าสนใจมาก ๆ และก็ต้องให้เวลาพิสูจน์ต่อไปว่าใครกันแน่จะเป็นฝ่ายที่ถูกในครั้งนี้ แต่หากดูจากข้อมูลในอดีตที่เกิด Halving มาสองรอบแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ราคาของ Bitcoin ก็มักจะทำ All-time high เสมอในหลายเดือนต่อมา ซึ่งครั้งนี้หลาย ๆ คนเชื่อว่ามันก็จะเกิดขึ้นอีก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น