<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

RSK แพลตฟอร์ม Smart Contract ของ Bitcoin สามารถทำงานร่วมกับ Ethereum ได้แล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในทุก ๆ วินาที วงการ Blockchain และ Cryptocurrency นั้นก็ขยับก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เพื่อให้กลายเป็นที่ยอมรับจากทั้งโลก โปรเจกต์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้คน แต่นอกจากการแก้ปัญหาของคนทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์มที่เข้ามาแก้ปัญหาของนักพัฒนาในวงการคริปโตและ Blockchain เองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นดั่งพื้นฐานให้โปรเจกต์อื่น ๆ ก้าวต่อยอดไปได้

การทำงานร่วมกันระหว่าง Ethereum และ Bitcoin

ล่าสุด RSK ได้ถูกอัปเดตให้สามารถทำงานร่วมกับ Ethereum (ETH) ได้เรียบร้อยแล้ว RSK เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างบน Bitcoin (BTC) โดยมันเป็น Layer ชั้นที่ 2 สำหรับการดำเนินการ Smart Contracts และโทเคนบน Blockchain ของ Bitcoin

ในตอนนี้ ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมทั้งสินทรัพย์บน RSK และสินทรัพย์ที่อยู่บน ETH ได้แล้ว มันจะทำให้โปรเจกต์คริปโตต่าง ๆ สามารถทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้นทั้งบน Blockchain ของ Bitcoin และ Ethereum โดย DApps นี้จะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้กว้างขึ้นนั่นเอง

สะพานเชื่อมนี้ทำงานด้วยการล็อคโทเคนดั้งเดิมเอาไว้ใน Smart Contract เมื่อตอนที่ผู้ใช้งานทำการโอนโทเคน และโทเคนจำนวนเท่ากันนั้นก็จะถูกสร้างขึ้นที่ Blockchain ปลายทาง

โทเคนที่ถูกสร้างบน Ethereum นั้นสามารถนำไปแปลงเป็นโทเคน RRC 20 ของ RSK ได้ ในทางตรงกันข้ามโทเคน RRC20 ของ RSK ก็สามารถนำไปแปลงเป็นโทเคน ERC777 ของ Ethereum ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม RSK นั้นไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวที่มีความสามารถในการทำงานร่วมกันของ Bitcoin และ Ethereum แพลตฟอร์มอื่นอย่าง Wanchain ก็เปิดตัวการทำงานร่วมกันนี้ไปแล้วในปี 2018 แต่ Wanchain นั้นจะเป็นเหมือนคนกลางมากกว่า ในขณะที่ RSK นั้นทำการรวมทั้ง 2 เครือข่ายเข้ามาเลย ทำให้นักพัฒนาต่าง ๆ สามารถใช้จุดเด่นของ Blockchain ทั้งสองในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ได้

ถึงแม้ระบบนี้ของ RSK จะเพิ่งเปิดใช้งาน แต่ก็ได้มีโปรเจกต์อย่าง Money on Chain ที่เป็น Stablecoin ซึ่งใช้ Bitcoin เป็นตัวค้ำมูลค่าของเหรียญ ก็ได้เผยว่าใช้ระบบดังกล่าวของ RSK ในการเข้าถึงแอปฯ DeFi ของเครือข่าย Ehtereum แล้ว

การทำงานร่วมกันระหว่าง Bitcoin และ Ethereum นั้นจะขยายขอบเขตข้อจำกัดของ DApps ได้อย่างกว้างขวาง และไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจจะไม่ต้องมาปวดหัวนั่งแยกหลาย Blockchain ให้ยุ่งยากก็ได้ เพราะแต่ละโปรเจกต์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่อาจจะมีแพลตฟอร์มหนึ่งที่รวมและเชื่อมทุก ๆ โปรเจกต์เข้าหากันได้

นี่ก็ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในวงการ Blockchain เพราะนักพัฒนาจะสามารถต่อยอดทำโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นแล้ว และเมื่อมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ สามารถถูกสร้างได้มากขึ้น มันก็ย่อมมีโอกาสที่จะมี DApps ซักตัวกลายเป็นตัวที่ได้รับความนิยมแบบพลุแตกมากขึ้นนั่นเอง

เมื่อมีแอปฯ แบบนั้นเกิดขึ้นมันจะส่งผลดีทั้งตลาดคริปโตและก็วงการ Blockchain เลย เพราะผู้คนจะเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของคริปโตมากขึ้น ไม่ใช่เห็นแค่มันเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เก็งกำไรอีกต่อไป

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น