<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุที่ผู้คนจะแห่กันเข้ามาซื้อ Bitcoin อย่างบ้าคลั่งหลังราคาทะลุ $10,000 ไปแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2020 นี้ กระแสของคริปโตและ Bitcoin ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างว่องไวจนทำให้มีทั้งนักลงทุนหน้าเก่าและหน้าใหม่เกิดความรู้สึก FOMO ไปตาม ๆ กัน

การกลัวตกรถหรือ FOMO นั้นเป็นความรู้สึกวิตกกังวลที่บุคคลนั้นจะคิดว่าตัวเองกำลังตกกระแสเลยต้องรีบตามให้ทัน สำหรับการ FOMO ในวงการคริปโตแล้ว นักลงทุนคนนั้นก็อาจจะส่งผลให้เกิดการหลับหูหลับตาซื้อเพราะคิดว่า ราคาของ Bitcoin กำลังจะพุ่งแล้ว จนทำให้เกิดกระแสแบบนี้เป็นทอด ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ กับนักลงทุนคนอื่นในตลาด

ทำไมผู้คนกำลังจะ FOMO ที่ราคา 10,000 ดอลลาร์

ล่าสุด นาย Michael van de Poppe นักลงทุนคริปโตชื่อดัง ก็ได้ออกมาชี้ว่า กระแส FOMO รอบต่อไปนั้นกำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เขาได้ทำนายว่า ถ้าราคาของ Bitcoin นั้นทะลุ 10,000 ดอลลาร์เมื่อไร สื่อต่าง ๆ ทั่วโลกจะเขียนข่าวถึงราคานั้น จนทำให้เกิดกระแส FOMO ในวงการนั่นเอง

“เมื่อราคาของ Bitcoin ทะลุ 10,000 ดอลลาร์ สื่อต่าง ๆ เช่นหนังสือพิมพ์จะเริ่มเขียนเกี่ยวกับ Bitcoin อีกครั้ง และใช้การ Halving เป็นเหตุผลเบื้องหลังระแสนี้”

นาย Poppe ได้ชี้อีกด้วยว่า การ FOMO ในปี 2016 นั้นเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ Halving หลายสัปดาห์:

“การ FOMO ในปี 2016 ก็เกิดขึ้น 5 สัปดาห์ก่อนการ Halving เหมือนกัน”

เขายังได้เผยด้วยว่า ตอนนี้ราคาของมันยังคงไปได้ต่อ และไม่เชื่อว่าราคาในตอนนี้คือราคาสุดท้ายของกระแส Halving แล้ว

นอกเหนือจากการ Halving จะส่งผลกับราคาของ Bitcoin แล้ว มันยังส่งผลให้สื่อมากมายหลายสำนักนำจุดนี้ไปเล่นเป็นข่าวได้เช่นกันเพื่อดึงความสนใจจากผู้อ่าน ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้เกิดการ FOMO อย่างรุนแรงจนเกิดตลาดกระทิงอีกครั้ง

หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง กระแส FOMO หรือตลาดกระทิงในรอบนี้จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งก็คือ 5 สัปดาห์ก่อนการ Halving นั่นเอง แต่แน่นอนว่า วงการคริปโตในปี 2016 กับปี 2020 นั้นมีความต่างกันออกไป ในปัจจุบันมันมีคนรู้จักเยอะขึ้นมากแล้ว อาจจะไม่เกิดกระแสรุนแรงเท่าเมื่อก่อนก็เป็นไปได้เช่นกัน

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การ Halving สามารถขับเคลื่อนราคาได้นั้นก็มาจากการที่จำนวนรางวัลต่อ 1 Block ที่ถูกขุดได้จะให้ Bitcoin น้อยลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั่นแปลว่า จะมี Bitcoin น้อยลงในตลาดนั่นเอง

ตามหลักการของ Supply และ Demand แล้ว เมื่อใดก็ตามที่สิ่งนั้นมีจำนวนน้อยลง แต่ยังคงมีความต้องการเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมอยู่ ราคาของสิ่งนั้นย่อมเพิ่มขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ Halving กำลังจะทำให้ Bitcoin เป็นแบบนั้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ในอดีตที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งในช่วงก่อนและหลังการ Halving นั้น ราคาของ Bitcoin ก็ทะยานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทะยานในทันทีหลังเกิดการ Halving ในบางรอบต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือ 1 ปีเลยก็มีถึงจะทำ All-time high อีกครั้งได้

ในตอนนี้ สำหรับนักลทุนเองก็คงได้แต่เตรียมแผนการการลงทุนให้พร้อมเสียก่อน ทั้งในด้านของการที่เมื่อ Bitcoin ทะยานไปแล้ว จะไปทยอยขายที่ราคาเท่าไร และควรขายจำนวนเท่าไร หรือถ้า Bitcoin ผ่านแนวต้านไม่สำเร็จและร่วงลงมาจะไปขายที่จุดไหน

อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 9,901 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.66 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 35,559 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมที่ 180,277 ล้านดอลลาร์

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ก็ทะยานอย่างต่อเนื่องจากระดับ 6,300 ดอลลาร์ เรียกได้ว่าถึงแม้จะเพิ่งเริ่มปีมาได้เดือนนิด ๆ กระแสกระทิงในปีนี้ก็ร้อนแรงสุด ๆ ในตอนนี้ก็ต้องติดตามต่อไปว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ไม่แน่อาจจะมีเหตุการณ์อะไรมาเซอร์ไพส์อีกก็เป็นได้

ที่มา u.today

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น