<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายงานเผยประเทศในแถบอเมริกาใต้ใช้ Cryptocurrency ในการก่ออาญชากรรมมากขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงจากรายงานล่าสุดของทางบริษัทซึ่งดำเนินการวิจัยและเก็บสถิติด้านข้อมูลทางไซเบอร์อย่าง IntSights นั้นได้มีการออกมาเปิดเผยถึงพัฒนาการทางด้านการใช้งานสกุลเงินคริปโตในกิจกรรมซึ่งเข้าข่ายการดำเนินการที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคละตินอเมริกาหรืออเมริกาใต้ ซึ่งตัวการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นได้แสดงให้เห็นถึงสถาณการณ์ซึ่งทางฝั่งรัฐบาลนั้นไม่สามารถที่จะดำเนินการกำกับดูแลธุรกรรมทางการเงินอย่างรัดกุมมากพอนั่นเอง

ในรายงานนั้นได้มีการกล่าวถึงกิจกรรมนอกกฎหมายต่างๆโดยเฉพาะอาชญกรรมขนาดใหญ่ซึ่งมีการวางแผนและมีการสร้างเครือข่ายในการดำเนินการอย่างกว้างขวางนั้น ได้มีการสรรหาวิธีการต่างๆในการดำเนินธุรกรรม รวมถึงการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ไปจนถึงการว่าจ้างอาชญากรผ่านทางเว็บไซต์ตลาดมืดโดยอาศัยการจ่ายเงินผ่านสกุลเงินคริปโตนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วทางรายงานยังได้ชี้ให้เห็นถึงการใช้งานเหรียญคริปโตต่างๆตั้งแต่สกุลเงินหลักของตลาดอย่าง Bitcoin ไปจนถึงสกุลเงิน Altcoins ต่างๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากท่ามกลางประเทศต่างๆในภูมิภาคตลอดช่วงปี 2019 จนกระทั่งปี 2020 นี้ โดยประเทศเวเนซุเอลาและประเทศอาเจนตินานั้นเป็นหนึ่งในประเทศซึ่งมีการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตมากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งประเทศอื่นอย่างประเทศชิลีนั้นก็ได้ปรากฎว่ามีการเติบโตอย่างมากในช่วงปลายปี 2019 จนถึงช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย

ซึ่งแม้ว่าจะมีการให้บริการซื้อขายเหรียญคริปโตผ่านบริษัท Exchange หลายรายก็ตาม แต่หนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือบริการการซื้อขายระหว่างบุคคลหรือ peer-to-peer (P2P platform) นั่นเอง แพลตฟอร์มดังกล่าวนั้นได้เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวกในการจับคู่ผู้ที่ต้องการที่จะดำเนินการซื้อขายแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยไม่ต้องดำเนินการผ่านบริษัท Exchange ต่างๆ 

ความนิยมในแพลตฟอร์มการซื้อขายแบบ P2P ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนหนึ่งอาจมีที่มาจากมาตรการในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มประเภทดังกล่าวนี้ที่มีความเข้มงวดน้อยกว่าการดำเนินการแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) โดยส่วนใหญ่แล้วรัฐบาลมักจะวางกฎเกณฑ์ให้ต้องมีการตรวจสอบและระบุตัวตนผู้ใช้บริการหรือ Know-your-customer (KYC) รวมถึงมาตรการในการป้องกันการฟอกเงินต่างๆที่ความเข้มงวดสูง 

เนื่องจากช่องโหว่ดังกล่าวซึ่งส่งผลให้แพลตฟอร์มการซื้อขายแบบ P2P นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีนโยบายในการป้องกัยการฟอกเงินรวมทั้งการดำเนินการ KYC ในการให้บริการ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยอย่างดีที่เหล่าอาชญากรและผู้ซึ่งต้องการหลีกเลี่ยงกฎหมายต่างๆนั้นเลือกที่จะใช้สกุลเงินคริปโตเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ หรือแม้แต่บริการอย่าง “Mixers” ซึ่งบริษัท Exchange บางรายนั้นได้เปิดให้บริการซึ่งสามารถที่จะช่วยลบร่องรอยของการใช้งานเหรียญที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายไปได้อีกด้วย 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น