ค่า Difficulty ของ Bitcoin จะมีปรับเปลี่ยนใหม่ในทุก ๆ สองสัปดาห์หรือเมื่อครบ 2016 บล็อก ซึ่งหมายความว่าเมื่อนักขุดเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ค่า Difficulty หรือค่าความยากในการขุดของอัลกอริทึม PoW ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้การค้นพบบล็อกใหม่นั้นหายากมากขึ้นนั่นเอง
อัตราการแรงขุด PoW ของ Bitcoin คือปริมาณพลังประมวลผลของนักขุดทั่วโลกที่ถูกส่งมาเพื่อป้องกันเครือข่าย ซึ่งหากใครต้องการโจมตีหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลใน blockchain พวกเขาก็จะต้องมีแรงขุดที่เยอะมากกว่าแรงขุดในเครือข่ายนั่นเอง ปัจจุบันอัตราแรงขุดหรือ Hashrate ของ Bitcoin นั้นอยู่ที่ 121,637,666 terahash ซึ่งนี่หมายความว่าเมื่ออัตราแรงขุดเพิ่มขึ้นและนักขุดบนเครือข่ายเริ่มมีจำนวนเยอะมากขึ้น ความปลอดภัยของ Bitcoin ก็จะพุ่งสูงขึ้นไปโดยปริยาย
ในวันนี้อัตรา Hashrate ของ Bitcoin นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 7% โดยการปรับเปลี่ยนค่า Difficulty ของ Bitcoin ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมหรืออาจเร็วกว่านั้นเมื่อครบ 2016 บล็อก
อัตรา Hashrate ของ Bitcoin พุ่งขึ้นก่อนการ Halving
ตอนนี้ผู้คนในชุมชนคริปโตเริ่มกังวลกันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเหตุการณ์ Halving ที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้จะทำให้ การขุด Bitcoin กลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์และส่งผลให้อัตรา Hashrate ร่วงลดลงในเวลาต่อมา
ยิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin นั้นก็มีการแข่งขันที่สูงเอามาก ๆ ซึ่งทำให้การกำไรของผู้ประกอบการนั้นมักจะมีผลตอบแทนในอัตราที่ต่ำ นอกจากนี้นักขุดเหมืองที่มีประสิทธิภาพในการขุดน้อยกว่ายังมีแนวโน้มที่จะถูกกลืนโดยบริษัทที่มีประสิทธิภาพในการขุดมากกว่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเราจะเห็นได้ว่า อัตรา Hashrate นั้นได้ปรับตัวเพิ่มตัวก่อนการ Halving ซึ่งนั่นอาจบ่งบอกว่าได้ว่าราคาของ Bitcoin กำลังจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในไม่ช้า เนื่องจากต้นทุนของการผลิต BTC ใหม่ที่เพิ่มขึ้นและอุปทานของเหรียญที่กำลังลดน้อยลง สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มแรงกดดันด้านราคา ทำให้ราคาเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา : bitcoinist
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น