<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุที่เหรียญ XRP อาจมาเตะ Ethereum ลงจากบัลลังก์อันดับ 2 ของโลกในปีนี้ได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ถึงแม้ว่าราคา XRP ของ Ripple และ ETH ของ Ethereum จะสร้างผลกำไรให้นักลงทุนในปี 2020 ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าราคา XRP ในปี 2020 นี้จะกลับขึ้นมาอยู่สภาวะขาขึ้นอีกครั้ง นอกจากนั้นนักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเหรียญ XRP อาจจะแซงเหรียญ Ethereum (ETH) ขึ้นมาเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิตอลอันดับ 2 ของวงการคริปโตก็ได้โดยสาเหตุได้แก่ที่เหรียญ XRP กำลังได้รับการใช้มากขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และสถานการณ์ของคริปโตในอินเดียก็ส่งผลดีต่อเหรียญ XRP มากกว่าเหรียญตัวอื่นๆ

เหรียญ XRP และ Ethereum ถูกเปิดตัวขึ้นมาในวงการด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือการล้มเหรียญ Bitcoin ที่เป็นเหรียญอันดับ 1 ของวงการคริปโต ทำให้เหรียญทั้งสองนี้กลายเป็นคู่แข่งของกันและกันและแย่งตำแหน่งอันดับ 2 และ 3 ตลอดมา และเมื่อดูจากประวัติในอดีตแล้วเหรียญทั้งสองต่างมีทั้งขาขึ้นและขาลงสลับกันไป

ตั้งแต่เปิดตัวมาเหรียญ XRP ของ Ripple ก็พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดการในเดือนมกราคม 2018 ในตอนนั้นมันมีราคาสูงสุดที่ 3 ดอลลาร์ และสามารถเติบโตขึ้นกว่า 49,500 ดอลลาร์เปอร์เซ็นภายใน 1 ปี นักลงทุนต่างคาดหวังกันว่ามันอาจจะขึ้นมาแทนที่ Bitcoin ได้แต่ตลาดเข้าสู่ช่วงวิกฤตซะก่อนทำให้เหรียญ XRP ต้องฝันสลายไปในครั้งนั้น ตั้งแต่นั้นมาเหรียญ XRP ก็ไม่สามารถสร้างผลกำไรแก่นักลงทุนได้เ่ทากับเมื่อปี 2018 อีก

เหรียญ ETH นั้นก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตของตลาดเช่นกันราคาของมันในปีที่แล้วก็อยู่ต่ำกว่าราคาในอดีต แต่ในปัจจุบันเหรียญ ETH ยังถือเป็นเหรียญอันดับ 2 ของวงการคริปโต ราคาเฉลี่ยปี 2020 ของมันอยู่ที่ระดับ 220 ดอลลาร์หลังจากที่มันตกอยู่ในสภาวะขาลงตั้งแต่ต้นปี ทำให้ราคาของมันลงมาจากแนวรับ 225 ดอลลาร์และ 228 ดอลลาร์ สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาของมันได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โลกและตกมาอยู่ที่ 129 ดอลลาร์

ในปี 2020 เหรียญ XRP เองก็อยู่ในสภาวะขาลงตามวิกฤตตลาด ตอนนี้ราคาของมันอยู่ที่ 0.158 ดอลลาร์ ราคาของมันในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่าโมเดล Fibonacci Retracement ถึง 61.8 เปอร์เซ็น นอกจากนั้นมันยังถือเป็นระดับราคาที่ต่ำที่สุดในรอบหลายเดือน แต่ถึงอย่างไรก็มีการคาดการณ์ว่าเหรียญ XRP จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง

สาเหตุที่จะทำให้ราคา XRP ดีดตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งก็คือผลประโยชน์ที่ XRP จะได้รับจากการที่ประเทศอินเดียเริ่มเปิดรับสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้น ประเทศอินเดียมีนักลงทุนคริปโตกว่าหลายล้านคนที่ไม่สามารถทำธุรกรรมคริปโตอย่างถูกกฎหมายหลังจากที่ธนาคารกลางอินเดียออกกฎแบนการเทรดคริปโตในประเทศ แต่ล่าสุดศาลของอินเดียสั่งให้ยกเลิกคำสั่งของ RBI แล้วในต้นเดือนมีนาคม ทำให้มีนักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นว่าเหรียญที่จะได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้มากที่สุดคือ XRP ของ Ripple เพราะมันได้เตรียมการไว้สำหรับประเทศอินเดียแล้ว

นอกจากนั้นแล้วอัตราการใช้งานของเหรียญ XRP ทั่วโลกก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากระบบของ XRP นั้นถูกออกแบบให้รองรับการโอนเงินทั่วโลกเป็นหลัก Ripple ชี้แจงว่าในปัจจุบันเครือข่ายของ Ripple ให้บริการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ เหตุผลที่ธนาคารและผู้ให้บริการโอนเงินจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ Ripple ก็เป็นเพราะว่าระบบ On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripple ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นได้

ในอนาคตทาง Ripple มีแผนจะร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกอีกมาก ปีที่แล้วมันเพิ่วประกาศตัวร่วมงานกับ Moneygram และสถาบันการเงินอื่นๆ ล่าสุดมันก็เพิ่งประกาศร่วมมือกับ National Bank of Fujairah เพื่อพัฒนาระบบการโอนเงินข้ามประเทศ หัวหน้าแผนกการเงินของ Bitso เว็บเทรดดิ้งในประเทศเม็กซิโกเคยกล่าวชม XRP ว่ามันสามารถพัฒนาเครือข่ายการโอนเงินต่างประเทศของเม็กซิโกและระบบเว็บเทรดดิ้งของเม็กซิโกไปในทิศทางที่ดีขึ้น การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังกับอนาคตของเหรียญ XRP อย่างมาก

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น