<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin ยังคงล้มเหลวในการทำลายแนวต้านที่ $7,000 แม้ Fed อนุมัติอัดฉีดเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวานนี้ราคา Bitcoin ขึ้นไปเกือบทำลายแนวต้าน 7,000 ดอลลาร์ได้เมื่อมีการออกข่าวเกี่ยวกับการประกาศเพิ่มเงินอัดฉีดของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ชื่อว่า Eric Ueland เขาออกมายืนยันว่าประธานาธิบดี Donald Trump และสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาสามารถตกลงจำนวนเงินอัดฉีดที่จะช่วยกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำจากวิกฤตโคโรน่าไวรัสหรือ COVID-19

มีรายงานว่าตัวเลขการอัดฉีดของรัฐบาลสหรัฐครั้งนี้มีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์และจะมีการเปิดให้โหวตผ่านนโยบายในวันพุธ นโยบายนี้จะยิ่งไปส่งเสริมการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐหลังจากที่ Federal Reserve (Fed) ของสหรัฐเพิ่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์และยังมีนโยบายเอื้อในการซื้อสินทรัพย์อีก ในปัจจุบันตัวเลขเงินอัดฉีดทั่วโลกเพิ่มเป็น 8 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 9 เปอร์เซ็นของค่าจีดีพีของโลก ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อกันว่ามาตรการเช่นนี้จะส่งผลดีต่อราคา Bitcoin ในระยะยาว

แต่วันนี้ราคา Bitcoin กลับทำลายแนวต้านสำคัญไม่ได้ และในตอนนี้ราคา Bitcoin ถอยตัวลงมาที่ 6,635 ดอลลาร์ คิดได้ว่าวันนี้มันติดลบสีแดง 1 เปอร์เซ็น ตัวเลขมากสุดของมันไปอยู่ที่ 6,981 ดอลลาร์ก่อนที่จะลดลงมา นักลงทุนที่เห็นว่าราคาของมันขึ้นมาจาก 5,700 ถึง 6,700 ดอลลาร์ภายในสองวันและเริ่มคาดว่าขาขึ้นกลับมาแล้วจึงต้องผิดหวังไปในวันนี้

ซึ่งนักลงทุนก็ออกมาวิเคราะห์กันว่าราคา Bitcoin นั้นก็คงไม่ได้รับผลกระทบอย่างโดยตรงทันทีถึงแม้ว่าการอัดฉีดเงินใหม่นี้จะอัดฉีดเงินให้บุคคลที่ตกงานก็ตาม นักลงทุนในตอนแรกนั้นหวังว่าราคา Bitcoin จะมากขึ้นเพราะมีคนมีเงินซื้อ Bitcoin มากขึ้น นาย Chris Thomas หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิตอลของ Swissquote Bank กล่าวกับนักข่าวจาก Coindesk ว่านโยบายอัดฉีดเงินจะไม่ส่งผลต่อราคา Bitcoin ในระยะสั้นแต่อย่างใด เขากล่าวว่า:

“การจ่ายเงินของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะพุ่งตรงเข้าไปสู่กระเป๋าตังค์ของประชาชน ก็จริงว่าพวกเขาบางคนจะเอาเงินนี้ไปซื้อ Bitcoin แต่คนที่ซื้อนี้จะมีจำนวนน้อยกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้มาก”

นาย Chris Thomas เสริมว่ามีเงินจำนวนมากแล้วที่ไหลเข้าสู่ตลาดในช่วง 10 วันที่ผ่านมานี้ และข่าวนโยบายอัดฉีดเงินครั้งล่าสุดก็คงจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในระยะสั้น ซึ่งในตอนนี้ข้อมูลจากตัวคำนวณ hodler net position change เผยว่าส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนที่เข้าซื้อ Bitcoin นั้นซื้อไว้ตั้งแต่ตอนที่ราคาของ Bitcoin อยู่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์

ซึ่งนาย Chris Thomas กล่าวว่าระดับราคา Bitcoin ที่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งถ้าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าไม่ได้ดีขึ้นเลย ซึ่งจะยิ่งทำให้รัฐบาลทั่วโลกพยายามหานโยบายอัดฉีดเงินเพิ่มอีกครั้ง

ในเวลานี้ตลาดหุ้นทั่วยุโรปกำลังมีราคาสูงขึ้นเป็นสีเขียว ในขณะที่ราคาฟิวเจอร์สของ S&P 500 มีมูลค่าสูงขึ้น 1 เปอร์เซ็น ซึ่งถ้าราคา Bitcoin ยังผูกอยู่กับตลาดหุ้นมันก็อาจจะขึ้นไปที่ 7,000 ดอลลาร์ได้จริง

แต่ถึงอย่างไรก็ตามนอกจากคำกล่าวของนาย Chris Thomas แล้วกราฟวิเคราะห์ราคาแบบ 1 วันและแบบ 4 ชั่วโมงก็เผยว่าราคาของ Bitcoin นั้นค่อนข้างอยู่ในสถานะขาลง กราฟราคาแบบ 1 วันเผยว่าหลังจากที่ราคา Bitcoin ไม่สามารถทำลายแนวต้าน 7,000 ดอลลารืได้มันเปลี่ยนเป็นเทียนสีแดงอย่างรวดเร็วจนมันสร้างความวิตกให้นักลงทุน นอกจากนั้นการที่มันไม่สามารถทำลายกราฟสี่เหลี่ยมได้เป็นสัญญาณบอกว่ามันกำลังจะร่วงลงอีกครั้ง

ส่วนในกราฟราคาแบบ 4 ชั่วโมง เผยว่าราคา Bitcoin ยังคงอยู่ในแนวขึ้นแต่ว่ามันเป็นแนวขึ้นที่ไม่ค่อยมั่ยคงนักเพราะมันแสดงว่าถ้าราคา Bitcoin ร่วงลงไปต่ำกว่า 6,250 ดอลลาร์ มันจะเป็นจุดจบของการฟื้นตัวจากระดับ 4,000 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือน ดังนั้นแล้ว 6,250 จึงเป็นแนวรับ ถ้าแนวรับถูกทำลาย แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 5,686 ดอลลาร์

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น