ในวันที่ 30 มีนาคม 2020 มูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินปกติของประเทศอื่นๆ ปรากฎการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่นำโดยนาย Donald Trump อัดฉีดเงินกว่า 6.2 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ซบเซาจากไวรัสโคโรน่า นักลงทุนชื่อดังหลายคนต่างคาดการณ์ไว้แล้วว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะกลายเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เหรียญ Bitcoin สามารถฟื้นตัวได้
นโยบายการอัดฉีดเงินนี้ถูกนำเสนอโดย Federal Reserve (Fed) หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบทั้งทางสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ
ในขณะนี้มีการประกาศนโยบายล็อคดาวน์และปิดร้านค้าบางแห่งเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งทาง Fed ยังได้เข้ามาแทรกแซงด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มอัตราการปล่อยกู้แก่บริษัทต่างๆ
นาย Donald Trump ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนโยบายอัดฉีดเงินเป็นอย่างมาก จนทำให้นักลงทุนหลายคนตำหนิว่าเขามองข้ามว่าการอัดฉีดเงินครั้งใหย่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกจะส่งผลอย่างไรกับผูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นาย Donald Trump ถึงกับกล่าวว่า:
“สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับประเทศของเราคือเงิน 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะมันคือ 2.2 บวกกับเลข 4 เท่ากับ 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ และเรายังทำมันได้อย่างง่ายได้เพราะว่าเราก็คือเรา และเราเป็นเรา”
นักลงทุนหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าชาวอเมริกันซึ่งมีรายรับต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์จะได้รับเงินกว่า 1,200 ดอลลาร์ แต่เงิน 1,200 ดอลลาร์นั้นจะมีค่าลดลงในอีกไม่นานเนื่องมาจากจากการอัดฉีดเงิน นาย Peter Schiff นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและซีอีโอของ Euro Pacific Capital ออกมาเตือนว่าเงินดอลลาร์ในตลาดที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้มูลค่าของดอลลาร์ดิ่งลง เขากล่าวว่า:
“ผมเคยคิดว่าการเกิดเงินเฟ้อขั้นรุนแรงซึ่งมันเลวร้ายมากๆ จะเป็นแค่กรณีที่เลวร้ายที่สุดแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้เหมือนมันกลายเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มันก็ยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นแต่ถ้าจะหลีกเลี่ยงสภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงมันอาจจะต้องเกิดวิกฤตอะไรที่แย่มากๆ ”
หลังจากที่มีการเซ็นอนุมัตินโยบายอัดฉีด 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ ค่าเงินของสกุลเงินดอลลาร์ก็เริ่มร่วงลงทันทีเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและดอลลาร์แคนาดา ซึ่งลดไปถึง 4% และยิ่งเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ของอังกฤษมันมีค่าลดลงกว่า 7%
นักลงทุนหลายคนวิเคราะห์ว่าสถานการณ์การเงินของดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสให้กับการฟื้นตัวของ Bitcoin อย่างแท้จริง เพราะ Bitcoin นั้นเป็นสกุลเงินที่มีจำนวนจำกัด กล่าวก็คือไม่มีใครสามารถอัดฉีด Bitcoin เพิ่มได้เพราะมันถูกออกแบบโดยผู้สร้างให้มีจำนวน 21 ล้านเหรียญเท่านั้น มันไม่สามารถถูกตีพิมพ์เพิ่มได้เหมือนธนบัตร ดังนั้นมันจะไม่สามารถถูกลดมูลค่าผ่านการแทรกแซงเหมือนในกรณีของรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนั้นแล้วอีกไม่ถึงสองเดือนการ Halving ครั้งที่ 4 ก็กำลังจะมาถึงในเดือนพฤษภาคม การ Halving ครั้งต่อไปจะทำการลดค่าบล็อคของเหรียญ Bitcoin และจำทำให้เหรียญ Bitcoin ที่ถูกปล่อยออกมาจากการขุดจะลดลงจาก 12.5 เป็น 6.25 BTC เมื่ออัตราการผลิตเหรียญ Bitcoin ออกสู่ตลาดน้อยลง ค่าอัตราเงินเฟ้อของ Bitcoin ก็ยิ่งจะลดลง มีการคำนวณว่ามันจะลดจาก 3.7 เปอร์เซ็นในปัจจุบันเป็น 1.8 เปอร์เซ็นในระยะยาวหลังจาก Halving
ซึ่งนักลงทุนชื่อดังอย่างนาย Anthony “Pomp” Pompliano ผู้ร่วมก่อตั้ง Morgan Creek Digital ออกมากล่าวถึงข้อดีของ Bitcoin ในการที่มันมีจนวนจำกัดเช่นกัน เขากล่าวว่า:
“เงินสกุลปกติกำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ Bitcoin กำลังจะถูกปล่อยออกมาน้อยขึ้นเรื่อยๆ คุณต้องลองหาข้อมูลและศึกษาด้วยตัวเอง จะไม่มีใครคอยชี้ทางให้คุณยกเว้นตัวคุณเอง”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น