<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ไขปริศนาเจ้ามือ Bitcoin: ทำไมการโอนเหรียญเป็นจำนวนมากถึงตามมาด้วยความผันผวนของราคาเสมอ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้มีใครบางคนทำการโอน Bitcoin จำนวน 10,000 BTC หรือคิดเป็นมูลค่า 92,959,818 ดอลลาร์ จาก Wallet ไม่ทราบชื่ออันหนึ่งไปยังอีกอัน คน ๆ นี้อาจจะเป็นบุคคลทั่วไป หรือสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ก็ได้ เพราะการย้าย Bitcoin มูลค่าเกือบ 100 ล้านดอลลาร์นั้นไม่ธรรมดาเป็นแน่ และนี่คือสิ่งที่เราเรียกกันว่า เจ้าตลาด Bitcoin หรือ Bitcoin Whale

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเจ้าตลาดขยับอะไรทีหนึ่งก็มักจะมีคนสนใจตลอด ทำให้ผู้คนเริ่มคิดค้นวิธีในการติดตามการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Wahle Alert ที่ถูกก่อตั้งโดยนาย Frank และ Mark ในปี 2018

Whale Alert เป็นตัวที่คอยติดตามการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบน Blockchain จากนั้นก็ประกาศลงไปใน Twitter ของพวกเขาที่มีผู้ติดตามนับแสน ๆ คน ด้วยบริการนี้ทำให้ชุมชนคริปโตมีโอกาสที่จะเรียนรู้และเข้าใจว่าเจ้าตลาดกำลังทำอะไรอยู่ และทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น

ในขณะที่ Bitcoin เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ นักวิเคราะห์ และนักเทรดมากมายก็ยังคงค้นหาคำตอบกันอยู่ดีว่า เจ้าตลาดเหล่านั้นเป็นใคร และพวกเขาสามารถควบคุมตลาดคริปโตได้จริงหรือไม่

จากวันที่ 21 ตุลาคม ถึงวันที่ 22 ตุลาคมในปีที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์จาก 8,325 เป็น 6,737 ดอลลาร์ และหลังจากนั้น 3 วัน ราคาของมันก็พุ่งขึ้นเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์เป็น 10,610 ดอลลาร์ ซึ่งระหว่างนั้น Whale Alert ก็ได้บอกว่ามีการทำธุรกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้น จนทำให้เกิดคำถามตามาว่า การโอน Bitcoin มูลค่ามหาศาลนั้นส่งผลต่อสภาพตลาดโดยรวมหรือไม่? เจ้าตลาดกำลังควบคุมทิศทางตลาดหรือไม่? เจ้าตลาดตอบโต้กับตลาดหรือไม่? ทิศทางของตลาดบางครั้งเกิดจากการควบคุมโดยเจ้าตลาดหรือไม่?

อะไรคือเจ้าตลาดคริปโตหรือ Crypto Whales?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะระบุว่าเจ้าตลาดคริปโตนั้นคือใครกันแน่ ซึ่ง Whale Alert ได้ให้นิยมไว้ว่า เจ้าตลาดก็คือ คนที่มีกำลังพอที่จะสามารถทำให้ราคาผันผวนได้ และใครคนนั้น ก็สามารถเป็นได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น บุคคล ๆ เดียวที่มีกำลังทรัพย์มหาศา ยันบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ถือคริปโตไว้ หรือเว็บเทรดคริปโตที่ทำการย้าย Wallet ซึ่งทาง Wahle Alert ได้บอกด้วยว่า เว็บเทรดคริปโตนี่แหละคือ ผู้ที่มี Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หนึ่งในปัจจัยอีกอันที่ต้องนำมาคิดเวลาติดตามสัญญาณพวกนี้ก็คือ Bitcoin และคริปโตอื่น ๆ นั้นมีความผันผวนสูงมาก ๆ ทำให้ถึงแม้คริปโตจำนวนเท่าเดิมก็อาจจะไม่ได้แปลว่า พวกเขาเป็นเจ้าตลาดก็ได้

Whale Alert ได้ยกตัวอย่างว่า พวกเขาจะมีจำนวนมูลค่าดอลลาร์ขั้นต่ำเสมอในการพิจารณาว่า การทำธุรกรรมนั้นเป็นของเจ้าตลาดหรือไม่ เพราะราคาของ Bitcoin เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในตอนที่ 1 BTC ยังมีมูลค่า 3,000 ดอลลาร์ เราก็ลดจำนวนขั้นต่ำลงมาเหลือ 5 ล้านดอลลาร์ แต่ในตอนนี้ที่ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น เราก็เปลี่ยนขั้นต่ำนั้นเป็น 50 ล้านดอลลาร์แทน ทำให้ความหมายของเจ้าตลาดนั้นอาจมีความเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาด้วย

บริการของ Whale Alert นั้นมีความแม่นยำกว่าบริการให้ข้อมูลของตลาดการเงินอื่น ๆ เนื่องจากตลาดคริปโตนั้นมี Blockchain เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การทำธุรกรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นสามารถตรวจสอบได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการเทรดขอวรายย่อยหรือรายใหญ่ก็ตาม ทำให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลของเจ้าตลาดได้มากขึ้น

สำหรับบางคน พวกเขาอาจจะมองว่าการมีอยู่ของเจ้าตลาดนั้นอาจทำให้ตลาดผิดธรรมชาติไปจากที่ควรจะเป็น แต่สำหรับ Whale Alert แล้ว พวกเขามองว่า เจ้าตลาดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับวงการคริปโตที่ยังมีอายุไม่มากนัก

“Bitcoin เริ่มต้นขึ้นจากกลุ่มคนเล็ก ๆ เพราะงั้นเหรียญส่วนมากจะอยู่ไปอยู่กับผู้คนที่เป็นผู้สนับสนุนแรก ๆ”

Whale Alert ได้บอกว่า ในอนาคตนั้น เมื่อวงการคริปโตค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าตลาดเหล่านั้นก็จะมีจำนวนที่ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน:

“ท้ายที่สุดแล้ว คนพวกนี้จะขายเหรียญออกไปให้ และก็จะมีผู้คนสนใจมันมากขึ้นไปอีก และผู้คนก็จะซื้อมันอีก และเป็นไปเรื่อย ๆ พวกเราคาดหวังว่า Bitcoin จะมีการกระจายตัวมากกว่านี้ และก็คาดว่าจะมีเจ้าตลาดน้อยกว่านี้”

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เจ้าตลาดที่เป็นผู้สนับสนุนรุ่นแรก ๆ ยังคงได้มีประโยชน์อยู่ ทาง Whale Alert ได้ยกตัวอย่างว่า มี Address หนึ่งถือ Bitcoin ไว้กว่า 80,000 BTC หรือคิดเป็น 546 ล้านดอลลาร์ ถ้าอิงราคาในขณะที่รายงานอยู่นี้ ซึ่ง Wallet นั้นไม่ได้มีการทำธุรกรรมอะไรอีกเลยตั้งแต่ปี 2011

“Wallet นั้นเป็นของเจ้าตลาดสักคนที่ตัดสินใจที่จะถือไว้ยาว ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรกับมันเลย แต่ถ้าวันหนึ่งเขาตัดสินใจทีจะขายเหรียญทั้งหมด แค่ Address นั้นอันเดียว ก็ทำให้ตลาดพังแบบย่อยยับได้เลย แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เจ้าของ Wallet นั้นอาจจะทำ Private Key หาย หรือเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เราก็ต้องติดตามดูกันต่อไป”

วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเจ้าตลาด

ในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 6 กันยายน 2018 เจ้าตลาด Bitcoin ได้ทำการย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์จาก Wallet หนึ่งไปยังเว็บเทรดเพื่อขาย

ในวันที่ 6 กันยายนนั้นที่ Bitcoin ถูกขายเกือบหมดแล้ว ราคาของ Bitcoin ก็ร่วงลงไปกว่า 15 เปอร์เซ็นต์จนทำให้ตลาดเกิดความผันผวนที่สุดในรอบ 30 วันเลยทีเดียว

ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเป็นลำดับกัน แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเหตุเป็นผลกันเสมอไป แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้ Whale Alert มั่นใจว่า การทำธุรกรรมขนาดใหญ่ของเจ้าตลาดจะมีผลมหาศาลกับตลาดอย่างแน่นอน การที่รู้ว่า เม็ดเงินมหาศาลไหลไปที่ไหนเป็นอีกสัญญาณที่ดีในการทำนายว่า ราคาจะวิ่งไปยังทิศทางไหน

การโอนคริปโตจำนวนมหาศาลนั้นอาจจะมาจากคน ๆ เดียวหรือว่าเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ เช่น EOS ก็เป็นได้ เพราะ Whale Alert ได้บอกว่า:

“ได้มีเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของเจ้าตลาดเกิดขึ้น ในตอนที่ ETH ราคา 1,400 ดอลลาร์ ตอนนั้น EOS เริ่มทยอยขาย ETH ในตลาด และเราก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตา ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การทำนายราคาแล้ว แต่มันเป็นเหมือนสิ่งที่อธิบายได้เลยว่า ทำไมตลาดถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ และใครกันแน่ที่เป็นคนก่อมัน”

เช่นเดียวกับตลาดคริปโต ETH เข้าสู่เทรนด์ขาลงครั้งใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2018 ซึ่งในช่วงนั้นโปรเจกต์ EOS ได้ทำการทยอยขาย Ethereum กว่า 3 ล้าน ETH บนเว็บเทรด Bitfinex จากที่พวกเขาระดมทุนมาได้

หนึ่งในส่วนที่ทำให้การวิเคราะห์ผลกระทบของการเคลื่อนที่ของเจ้าตลาดนั้นมีความยากลำบากก็เกิดมาจากการที่ เราไม่รู้แน่ชัดว่า การทำธุรกรรมนั้นทำไปเพื่ออะไร พวกเขาอาจจะซื้อ, ขาย หรือแค่โอนย้าย Wallet เฉย ๆ ก็ได้

และถึงแม้จะรู้ว่าพวกเขาทำการซื้อหรือขาย มันก็ไม่เป็นที่แน่ชัดอยู่ดีว่า ขายมาก หรือขายเพียงนิดเดียวจากจำนวนทั้งหมดที่โอนไป

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการเทรด ETH ที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่า EOS คือคนที่ขาย ETH ในตอนนั้น เพราะจู่ ๆ ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2018 ก็ได้มีการเทรด ETH เป็นจำนวนกว่า 180,000 ETH ในระยะเวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ในปลายปี 2019 ก็ได้มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นอีก เพราะ Whale Alert ได้ตรวจพบว่า วันที่ 18 ตุลาคม 2019 ได้มีการแจ้งเตือนว่า Bitcoin จำนวน 10,000 BTC หรือคิดเป็น 80.6 ล้านดอลลาร์ ถูกโอนไปยัง Binance ซึ่งก็ไปตรงกับข่าวในเกาหลีที่มีการประมูลขาย Bitcoin ที่ยึดมาได้จากเว็บขายหนังอนาจารของเด็กในเกาหลีบน Darknet และการทำธุรกรรมจำนวน 10,000 BTC นี้ก็คือส่วนหนึ่งในการประมูลนั้น

หลังจากที่การทำธุรกรรมเสร็จสิ้น ราคาของ Bitcoin ก็ร่วงลงจากการถูกเทขายจาก 8,062 เหลือ 7,856 ดอลลาร์ทันที

ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ การเทขายจำนวนมหาศาลบน Binance ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างชัดเจน จนทำให้หลาย ๆ คนเกิดข้อสงสัยว่า แล้วในตลาดภาพรวมล่ะ? มันจะส่งผลด้วยหรือไม่

ทาง SFOX ก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลมาให้ดูจากเว็บเทรดคริปโตใหญ่ ๆ เจ้าอื่น แล้วก็พบว่า ราคาของ Bitcoin บนเว็บเทรดอื่นนั้นก็ได้รับผลกระทบหมด จนราคาเหลือ 7,915 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าบน Binance ที่ 7,856 ดอลลาร์นิดหน่อย

Whale Alert ได้ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ๆ ในการวิเคราะห์ผลกระทบของเจ้าตลาดเหล่านั้น ถึงแม้มันจะมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ตัวตนของเจ้าตลาด แต่การวิเคราะห์บางอย่างก็ต้องพึ่งการติดตามข่าวสาร และข้อมูลบางส่วนที่ชุมชนคริปโตนำมาเผยแพร่กัน

Whale Alert ได้ชี้ว่า ในบางครั้ง ความคาดหวังของตลาดอาจจะมีผลกระทบมากกว่าเจ้าตลาดด้วยซ้ำไป:

“Whale Alert มีคนติดตามจำนวนมากในตอนนี้ และมันก็ค่อนข้างยากสำหรับพวกเราที่จะดูว่า การที่เราโพสต์การเคลื่อนไหวของเจ้าจลาดนั้นส่งผลต่อราคาจริง ๆ ขนาดไหน และพวกเรายังไม่ได้ทำการค้นคว้าในส่วนนั้น”

พวกเขาได้ทำการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การสร้างเหรียญ USDT เพิ่มขึ้นนั้นอาจส่งผลที่ใกล้เคียงกับตลาดก็เป็นได้ เพราะการสร้าง USDT เป็นสัญญาณชิ้นสำคัญเลยว่าตลาดกำลังจะฟื้นตัวแล้ว:

“ในช่วงต้นเดือนแรกของปี 2019 ผมคิดว่าราคาน่าจะประมาณ 3,500 ถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อ Bitcoin นะ ในตอนนั้นได้มีการสร้าง USDT จำนวนมหาศาลขึ้น และเราก็ได้เห็นตลาดฟื้นตัวขึ้นมา เพราะผู้คนต่างก็เชื่อว่า USDT เหล่านั้นจะถูกนำไปซื้อ Bitcoin ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า สมมุติฐานนั้นถูกหรือไม่ แต่มีผู้คนมากมายนะที่มีปฏิกริยากับข่าวนั้น”

Whale Alert ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ทั้งเจ้าตลาดเองก็ดี หรือจะเป็นผู้ที่คอยจับตาดูเจ้าตลาดก็ดี ล้วนเป็นสิ่งสำคัญในระบบนิเวศน์ของวงการคริปโตทั้งนั้น ตรงจุดนี้เองที่นาย Tim Enneking ผู้จัดการกองทุนคริปโตและลูกค้าของ SFOX ได้ชี้ว่า:

“วงการคริปโตนั้นค่อนข้างเล็ก เพราะมีมูลค่าไม่กี่แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งแปลว่า มีกองทุนหลักสิบไม่ก็หลักร้อยในโลกนี้ ที่สามารถทุ่มเงินซื้อทั้งวงการคริปโตได้เลย แต่พวกเขาอาจจไม่รู้กัน”

นี่หมายความว่า ต้องรอให้วงการคริปโตเติบโตอีกมาก กว่าที่เจ้าตลาดเหล่านี้จะมีผลกระทบด้านราคาที่ลดลงกับตลาด เพราะในปัจจุบันตลาดยังมีขนาดเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับตลาดการเงินอื่น ๆ

อะไรคือขั้นต่อไปในการติดตามเจ้าตลาด?

ในตอนนี้ Whale Alert ก็กำลังพัฒนาระบบการวิเคราะห์แบบใหม่ที่จะบ่งบอกได้เลยว่า เจ้าตลาดคนนั้นก็คือ และพวกเขากำลังทำอไรอยู่ ซึ่งพวกเขาก็ได้บอกใบ้ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ SFOX ด้วยว่า มันจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน:

“อันดับแรกคือพวกเขาจะติดตามเหรียญต่าง ๆ มากขึ้น ในตอนนี้ พวกเขาติดตามอยู่ 11 Blockchain และพวกเราก็ยังไม่ได้ติดตาม Litecoin เลย, ยังไม่ได้ติดตาม Bitcoin Cash เลย และก็ยังไม่ได้ติดตาม Cardano เลย นี่คือเหรียญที่พวกเราจะติดตามเพิ่ม และระบบใหม่นี้จะทำให้การติดตามเหรียญเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น”

พวกเขาจะทำการติดตามข้อมูลของเจ้าตลาดให้ไวยิ่งขึ้นด้วยตั้งแต่ Block แรกเลย จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นอีก:

“เราจะเก็บข้อมูลจากวินาทีแรกเลยที่ Block เกิดขึ้นจากทุก ๆ Chain และก็เริ่มวิเคราะห์จากตรงนั้น แล้วก็เอาไปรวมกับข้อมูลราคาและข้อมูลอื่น ๆ ที่เรามี มันจะได้มีการวิเคราะห์แบบครบเซ็ทของทั้งตลาด และมันก็จะกลายเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ที่พวกเราสามารถให้บริการกับผู้คนที่สนใจได้”

ในส่วนของ Twitter พวกเขาวางแผนที่จะนำเสนอข้อมูลให้มากขึ้นอีก ในการระบุเลยว่าใครเป็นคนย้ายคริปโตนั้น:

“หนึ่งในสิ่งที่เราอยากทำก็คือการติดตาม Wallet เช่น อันที่เรายกตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่มี 80,000 BTC และก็มีการแจ้งเตือนเวลาที่ Wallet เหล่านั้นเริ่มกลับมาใช้งานแล้ว ถ้า Wallet นั้นมีการโอนไปยังที่อื่น ผมคิดว่า ข้อมูลนี้รวมกับไอเดียอื่น ๆ ที่เรามีจะทำให้เกิด Feed บน Twitter ที่น่าสนใจมาก ๆ”

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ สรุปได้ระดับหนึ่งเลยว่า เจ้าตลาดเหล่านี้มีอยู่จริง และก็จะมีผลกระทบกับตลาดโดยตรงเลยด้วย ในอนาคต พวกเขาเหล่านี้ยังคงไม่หายไปจากตลาดแน่นอน ซึ่งนักลงทุนก็ควรจะติดตามข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ไว้บ้าง เพื่อประกอบการลงทุน

ที่มา: Medium

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น