หลังจากเสียบัลลังก์อันดับหนึ่งไปให้กับ Binance, เว็บผู้ให้บริการด้านกระดานซื้อขายเหรียญคริปโตแบบฟิวเจอร์ BitMEX ได้ออกมาประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาเตรียมเปิดให้เทรดคู่สัญญา ETHUSD Quanto ในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ โดยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ดังกล่าวจะถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำขึ้นมาเลยทีเดียว โดยลักษณะนั้นมันจะเป็นแบบ Quanto contract ซึ่งจะแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาดที่เป็น perpetual swap
ETHUSD Quanto Futures ของ BitMEX
โดยอ้างอิงจากเว็บเทรดดังกล่าวนั้น คู่สัญญาซื้อขาย ETHUSD Quanto futures นั้นจะมาพร้อมกับตัวคูณ Bitcoin แบบคงที่ ไม่ว่าราคาของเหรียญ ETH จะเป็นอย่างไรก็ตาม ซึ่งนี่จะทำให้นักลงทุนสามารถเปิด long หรือ short คู่เทรด ETH/USD ได้โดยที่ไม่ต้องถือเหรียญ ETH เลย
โดยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ยังอนุญาตให้นักเทรดตั้งค่า leverage ได้ตั้งแต่ 1x ไปจนถึง 50x สูงสุด โดยนักเทรดจะต้องทำการใส่มาร์จินเป็น XBT ก่อน หลังจากนั้นเมื่อราคาบน ETH/USD เคลื่อนไหว นักเทรดก็จะได้รู้ว่าพวกเขาได้กำไรหรือว่าขาดทุนในรูปแบบ Bitcoin
ตัวฟิวเจอร์ดังกล่าวนั้นจะใช้สัญลักษณ์ว่า “ETHUSDM20” ในขณะที่ตัวคูณของ Bitcoin นั้นจะอยู่ที่ 0.000001 XBT (100 ซาโตชิ) โดยมูลค่าของสัญญาของ XBT นั้นจะถูกคำนวณโดยการนำเอาราคาของคู่เทรด ETH/USD มาคูณกับตัวคูณของ Bitcoin (100 ซาโตชิ/$1)
รายละเอียดที่น่าสนใจอื่น ๆ ก็คือค่าธรรมเนียมของ maker นั้นจะอยู่ที่ -0.025% ส่วนของ taker นั้นจะอยู่ที่ 0.075% ส่วนมาร์จินเริ่มต้นนั้นอยู่ที่ 2.00% และ 0.90% นั้นจะถูกหักไปเพื่อเป็นค่าดูแลรักษาแพลทฟอร์ม
สัญญาซื้อขาย ETHUSD Quanto Futures หมดอายุต่อไตรมาส
โดยอ้างอิงจากการประกาศนั้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยการผสมผสานระหว่างฟีเจอร์ Quanto ของ ETH/USD perpetual swap และฟีเจอร์ในส่วนของการ settle และการหมดอายุของสัญญาซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์แบบดั้งเดิม นั่นหมายความว่าสัญญาซื้อขายของผลิตภันฑ์ตัวใหม่นี้จะหมดอายุเป็รายไตรมาส
เมื่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ดังนั้นสัญญานั้นจะหมดอายุในวันที่ 26 มิถุนายน 2020
การเปิดตัว ETHUSD Quanto Futures ของ BitMEX นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเพื่อพัฒนาเครื่องมือการซื้อขายแบบออพชั่นสำหรับนักเทรด โดยก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าทาง BitMEX นั้นได้สูญเสียผู้ใช้งานและโวลุมเป็นจำนวนมากให้กับ Binance เนื่องจากปัญหาด้านการปั่นราคาที่ทำให้นักเทรดหลายคนต้องถูกล้างพอร์ทแบบไม่ยุติธรรม ซึ่งภายหลังนั้น Binance ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ที่ 1 แทน BitMEX ไปแล้วในที่สุด
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น