<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รัฐบาลจีนเตรียมปิดเหมืองขุด Bitcoin ในเมืองที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 10% อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รายงานล่าสุดจาก mytokencap เผยว่ารัฐบาลเมืองเสฉวนของประเทศจีนได้เริ่มดำเนินการกำจัดกิจกรรมการขุด Bitcoin (BTC) แล้ว โดยอ้างว่าการเพิ่มขึ้นของราคาเหรียญดังกล่าวส่งผลทำให้เกิดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในด้านอื่น ๆ ตามมามากมาย

เสฉวน เมืองที่กุมกำลังขุด 10% ของตลาด bitcoin โลก

โดยอ้างอิงจากการคาดการณ์ตัวเลขแรงขุดจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์นั้น มณฑลเสฉวนนั้นถือเป็นมณฑลที่ถือครองแรงขุด 10% ของตลาดการขุด Bitcoin ทั้งโลกในตอนนี้ โดยพวกเขาเผยว่าแรงขุด bitcoin ในเมืองดังกล่าวเมืองเดียวนั้นมากกว่าของทั้งประเทศสหรัฐฯและรัสเซียรวมกันเสียอีก

ที่น่าสนใจก็คือก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลเสฉวนต้องการที่จะดึงดูดให้นักขุด Bitcoin เข้ามาลงทุนในเมืองเพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่มาจากไวรัส COVID-19 ทว่าอย่างไรก็ตามดูเหมือนสิ่งที่ทางรัฐบาลจะได้กลับมาก็คือการเติบโตของธุรกิจการระดมทุนอย่างผิดกฎหมาย และธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่เพิ่มขึ้นแทน

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ

มันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางรัฐบาลเสฉวนนั้นจะดำเนินการจัดการเหมืองขุดในเมืองอย่างไร โดยหากลองดูที่ผ่านมา ๆ นั้นจะเห็นได้ว่าชุมชนคริปโตในจีนกำลังเติบโตและเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะมีความพยายามในการเข้ามากำกับวงการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดของรัฐบาลที่มากขึ้นก็ตาม โดยนาย Christopher Bendiksen หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก Coinshares ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า

“ผมไม่คิดว่านักขุด bitcoin ในจีนนั้นจะอยู่กันอยากสุขสบายหรอก ที่บอกก็คือเขาคงไม่รู้สึกปลอดภัยกับเครื่องขุดและสินทรัพย์ที่เขามีเท่าไรหรอก ลองคิดดูว่าวันหนึ่งอยู่ ๆ ตำรวจโผล่ขึ้นมาที่หน้าเหมืองขุดแล้วก็ยึดทุกอย่างไปจากพวกเขา ผมอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเขาจะยังนิ่งนอนใจได้อยู่ไหม มันน่าจะเป็นอะไรที่แย่มาก ๆ เลยล่ะ”

คำถามที่ตามมาก็คือ หากทางรัฐบาลจีนทำการกำจัดนักขุดคริปโตในประเทศทั้งหมดแล้ว ใครจะเข้ามาแทนที่ และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอีก?

ย้ายไปตะวันตก?

นาย Philip Salter หัวหน้าฝ่ายโอเปอเรชันจาก Genesis Mining ออกมากล่าวว่า

“สาเหตุที่ต้องเป็นจีนนั้นก็เพราะว่าพวกเขามีต้นทุนในการผลิตที่ถูก และ CapEx นั้นค่อนข้างที่จะต่ำ ทุก ๆ อย่างนั้นถูกและเร็วมากในจีน แต่ทว่าต้นทุนในการโอเปอเรทนั้นไม่ได้ต่ำมากนัก เพราะว่าพลังงานส่วนใหญ่ในประเทศนั้นมาจากถ่านหิน และถ่านหินนั้นก็ถือเป็นพลังงานที่แพงที่สุด ดังนั้นถ้าให้สรุปก็คือต้นทุนด้านการโอเปอเรทในจีนนั้นไม่ถูกเลย”

เป็นที่คาดการณ์ว่าสิ่งที่นักขุดสามารถทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกิจการของพวกเขาก็คือการย้ายไปขุดที่มณฑลอื่น หรือไม่เช่นนั้นก็คือการย้ายเหมืองขุดออกไปนอกจีน ไปยังประเทศในแถบตะวันตก ซึ่งตัวอย่างที่มีให้เห็นก่อนหน้านี้ก็คือเหมืองขุดของ Bitmain ที่ถูกเปิดขึ้นที่รัฐเท็กซัสในสหรัฐฯ โดยมีขนาดการใช้พลังงานที่มากถึง 50 เม็กกะวัตถ์เลยทีเดียว โดยสาเหตุที่ต้องไปที่รัฐดังกล่าวนั้นก็เป็นเพราะว่าค่าไฟที่ค่อนข้างถูก และรัฐบาลท้องถิ่นที่เป็นมิตร

เมื่อการ halving ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปได้ไม่นานนี้ทำให้นักขุด Bitcoin ส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากมากกว่าเดิม ส่งผลทำให้หลายรายต้องเลิกขุดไป และตามมาด้วยค่าพลังขุดโดยรวมที่ลดลงทั้งเครือข่าย หากมองในด้านบวกแล้วสิ่งนี้จะถือเป็นบททดสอบของ Bitcoin อีกครั้งหนึ่ง