<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาว่าจีนเป็นผู้ควบคุม Bitcoin อยู่เบื้องหลัง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อ้างอิงข้อมูลจาก ‘The Room Where’ หนังสือที่เขียนโดยนาย John Bolton อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ซึ่งเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อ bitcoin เมื่อย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม 2018 นายโดนัล ทรัมป์ได้ตำหนิวิธีการเจรจาการค้ากับจีนของนาย Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอ้างอิงคำพูดจากในหนังสือของ Bolton ที่ระบุว่า :

“อย่าทำการค้ากับจีน” นาย ทรัมป์กล่าว “ไปติดตามดู bitcoin [สำหรับการฉ้อโกง]”

“ถ้าคุณไม่ต้องการให้ผมแลกเปลี่ยนทางการค้า ทีมเศรษฐกิจของคุณจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ” นาย Mnuchin ตอบโต้ด้วยการเจรจาทางการค้าที่เข้มงวดเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรและภาษีการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศจีน

นาย ทรัมป์ดูเหมือนจะรู้ว่าจีนนั่นกำลังควบคุม bitcoin และ นาย Mnuchin ดูเหมือนจะไม่สนใจ เนื่องจากนาย Mnuchin ไม่เคยไปติดตามดู bitcoin เลยสักครั้ง แน่นอนว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้สนับสนุน bitcoin และ Ethereum เพราะเป็นที่รู้ ๆ กันว่าชาวอเมริกันใช้ คริปโตเคอเรนซี่ทั้งสองในการชำระเงินเป็นส่วนใหญ่ และมันจะเป็นเช่นนั้นต่อไป แม้ว่าขณะนี้จีนก็ยังคงหมกหม่นอยู่กับการขุด bitcoin และ Ethereum ก็ตาม

มันเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2018 เมื่อนาย Hin Hinman ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของสำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศนโยบายใหม่ที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับสินทรัพย์คริปโตทั้งสองในที่การประชุม Yahoo! Finance conference  ในซานฟรานซิสโก

“เช่นเดียวกับ bitcoin การใช้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางกับการทำธุรกรรมปัจจุบันใน Ethreum นั่นดูเหมือนว่าจะเพิ่มคุณค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”  เขากล่าวพร้อมยืนยันด้วยว่าพวกมันอาจจะเป็นหลักทรัพย์ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ในที่สุดมันก็จะเป็นการกระจายอำนาจจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

ก.ล.ต. ได้ติดตามและให้การสนับสนุน bitcoin และ Ethereum มากขึ้นในเชิงสถาบันเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2018 คำแถลงเกี่ยวกับ “การออกหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักสินทรัพย์ดิจิทัล” มีคำสั่งแยกให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AirFox , การจัดการสินทรัพย์ คริปโต , Paragon, TokenLot และ นาย Zachary Coburn ผู้ก่อตั้ง EtherDelta กล่าวว่า มันยังคงเป็นการสนับสนุน bitcoin และ Ethereum ซึ่งไม่ใช่แพลตฟอร์มอื่น ๆ อย่างเช่นเหรียญ Cardano , EOS , Litecoin หรือ  XRP 

ด้วยเหตุนี้จีนจึงได้เพิ่มการสนับสนุนการขุด Bitcoin และ Ethreum เป็นสองเท่าภายในประเทศ อ้างอิงรายงานจากการวิจัยของ CoinShares ที่เปิดเผยว่า โดยพื้นฐานแล้วกิจกรรมการขุด bitcoin ส่วนใหญ่นั่นจะอยู่ในประเทศจีน รวมถึงการสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนภายในประเทศ มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่พวกเขาอนุญาตให้นักขุดเข้าถึงพลังงานบางส่วนที่มีราคาถูกที่สุดในโลกเพื่อใช้ในการขุด bitcoin และ Ethereum ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ 65% ของ Hashrate ทั้งหมดนั่นอยู่ที่ประเทศจีน” CoinShares กล่าวว่า “เราเห็นสิ่งนี้ที่พุ่งแตะจุดสูงสุด นับตั้งแต่ที่เราเริ่มทำการตรวจสอบเครือข่ายในช่วงปลายปี 2017”

ส่วนแบ่ง Chinas ของการขุด bitcoin เพิ่มขึ้น

การใช้พลังงานส่วนใหญ่นั้นอยู่ในมณฑลเสฉวน ซึ่งมีไฟฟ้าพลังน้ำอยู่ที่ระดับ 90,000 เมกะวัตต์ “มณฑลเสฉวนสร้างอัตรา Hashrate ในเครือข่าย Bitcoin สูงถึง 54%” CoinShares กล่าวว่า “ส่วนที่เหลืออีก 11% จะถูกแบ่งเท่า ๆ กันระหว่างยูนนานซินเจียงและมองโกเลีย” 

CoinShares ยังพบอีกว่า Bitmain ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในกรุงปักกิ่งครองส่วนแบ่งกว่า 66% ของธุรกิจการขุดคริปโตทั่วโลก รวมถึงเครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 เพื่ออุทิศให้กับการขุดเหรียญ Ethereum

เพื่อให้แน่ใจว่าสถานที่ตั้งของ Ethereum’s hashrate  (ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างชัดเจน) แต่ “mining pool” ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า  Ethereum ส่วนใหญ่ก็ถูกครองส่วนแบ่งโดยนักขุดชาวจีนทั้งสิ้น

ความเสี่ยง? ด้วยการควบคุมอัตรา Hashrate มากกว่า 51% ของเครือข่าย bitcoin หรือ Ethereum จีนอาจสั่งให้นักขุดทำการสร้างบล็อกที่เป็นอันตรายต่อ chain , การสั่งห้ามการชำระเงินบางอย่าง , การทำธุรกรรมย้อนกลับ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อเครือข่าย ดูเหมือนว่าจีนจะกำลังเล่นเกมในระยะยาว ดังคำพูดที่เติ้งเสี่ยวผิงกล่าวไว้ว่า : “ข้ามแม่น้ำไปด้วยความรู้สึกถึงก้อนหินทุกก้อน”

“จีนต้องการกำจัดเงินดอลล่าร์ที่เป็นสกุลเงินสำรองของโลกอย่างแน่นอน” กล่าวโดย นาย Gordon Chang ผู้เขียนหนังสือเรื่อง  The Coming Collapse of China “การควบคุมบิทคอยน์จะช่วยให้จีนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดเงินทุนทั่วโลกได้มากขึ้น และเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือ การครอบครองทุกสิ่ง”

การบริหารงานของ Trump ได้ปฏิเสธที่จะให้กรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ ยกเว้น Bitcoin และ Ethreum และตอนนี้ทั้งสองสกุลอยู่ในกำมือของจีนทั้งคู่

มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากอนาคตของเงินเป็นดิจิทัล การบริหารงานของทรัมป์ก็อาจจะทำให้อนาคตของเงินถูกส่งไปยังประเทศจีน

ที่มา : forbes