<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

10 ปีที่แล้ว Bitcoin ถูกเทรดบนเว็บครั้งแรกบน Mt.Gox ด้วยราคาที่ $0.05

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้สร้างแพลทฟอร์มด้านการเก็บข้อมูลตลาด Bitcoin นามว่า Clark Moody ได้ออกมาเผยว่าเขาได้ทำการเก็บข้อมูลราคาบนตลาดเหรียญดังกล่าวย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และชี้ว่าหากผู้ถือ BTC ยังคงถือยาวมาจนถึงในขณะนี้ พวกเขาจะมีผลตอบแทนถึง 18.4 ล้านเปอร์เซนต์เลยทีเดียว

นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือความเป็นมาของเว็บเทรด Bitcoin แห่งแรกของโลกอย่าง Mt.Gox กับผลกระทบต่อตลาดโดยรวมที่กินเวลาตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้

อัตราผลตอบแทน Bitcoin ที่ไม่มีใครคาดคิด

ใน blog แห่งหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “10 ปีของข้อมูลตลาด Bitcoin” ที่ถูกเขียนโดยนาน Clark ได้มีการพูดถึงการซื้อขาย bitcoin บนเว็บเทรดคริปโตชื่อดังในอดีตอย่าง Mt.Gox ที่ภายหลังต้องถูกปิดตัวไปอย่างน่าเสียดาย

โดยเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งก็คือวันที่ 17 กรกฎาคม 2010 ทางเว็บดังกล่าวได้มีการประมวลผลคำสั่งเทรด Bitcoin เป็นครั้งแรกของโลกบนเว็บเทรด โดยมีโวลุมี่ประมาณ 20 BTC ระหว่างสองฝ่าย โดยจำนวนมูลค่าของธุรกรรมทั้งหมดนั้นอยู่ที่ 0.99 ดอลลาร์เท่านั้น และตอนนั้นราคาของ Bitcoin นั้นอยู่ที่ $0.04951 ต่อ 1 BTC

นาย Clark เผยว่าในยุคนั้นผู้คนกำลังเทรดสินค้าที่จับต้องได้บนโลกนี้บนเว็บ Mt.Gox เพื่อแลกเปลี่ยนเป็น Bitcoin ก่อนที่จะมีการเปิดให้เทรดแบบ real-time ขึ้นมา โดยหลังจากที่มันถูกเปิดตัวขึ้นมาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2010 ก็ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของตลาดคริปโตในทันที

ข้อมูลด้านล่างนี้คือหนึ่งในตัวอย่างของสถิติข้อมูลการเทรดในขณะนั้น

เวลา: 2010-07-17 23:09:17 UTC
จำนวน: 20.00000000 BTC
ราคา: $0.04951
มูลค่า: $0.9902

ในขณะที่มีการประมวลผลธุรกรรมการเทรดด้านบนในขณะนั้นมี Bitcoin ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดแล้วประมาณ 3.4 ล้าน BTC และมูลค่าตลาดตอนนั้นอยู่ที่แค่ประมาณ 170,000 ดอลลาร์เท่านั้น

คำถามที่ตามมาก็คือหากผู้ซื้อในขณะนั้นไม่ได้ทำการขาย จะเกิดอะไรขึ้น? คำตอบก็คือหากเขานำมันมาขายในขณะนี้ เขาจะสามารถทำกำไรได้ถึง 184,000 เท่าเลยทีเดียว โดยนาย Clark ได้พยายามชี้ให้เห็นภาพของการเติบโตของตลาด Bitcoin ที่เกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดแบบ 6 หลักในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังกล่าวอีกว่ามันไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับผู้ที่อยากจะเข้ามาในตลาดตอนนี้

การเพิ่มขึ้นของราคาที่ 1,000 เท่า

นาย Clark ได้เผยถึงตอนที่ราคาของ Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นไปแตะ 0.1 ดอลลาร์เมื่อเดือนกันยายนปี 2010 แต่หลังจากนั้นราคาก็ร่วงลงมาแตะจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 0.01 ดอลลาร์อย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หลังจากนั้น 9 เดือนให้หลังราคาของมันก็พุ่งขึ้นไปประมาณ 1,000 เท่า โดยเกิดขึ้นเมื่อตอนเดือนมิถุนายน 2011

โดยช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่นาย Clark กำลังเริ่มเข้ามาในวงการ และเป็นช่วงที่เขารู้สึกตื่นเต้นกับสภาพตลาดของ Mt.Gox ที่มีความอิสระ และมีความเป็น real-time ที่สูงมาก จนทำให้เขานั้นต้องมาเปิดตัวเว็บไซต์เป็นของตัวเอง จนภายหลังเว็บไซต์ของเขานั้นได้รับการรีวิวที่ดีมากบนเว็บ BitcoinTalk หลังจากที่เขาเปิดตัวเว็บของเขาไป

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวงการ Bitcoin ก็ถือเป็นวงการหลักที่เขาให้ความสนใจ และทำให้เขาพยายามสร้างโปรเจ็คใหม่ ๆ เกี่ยวกับมันขึ้นมา เท่านั้นยังไม่พอ เขายังทำการศึกษาและสำรวจเครือข่ายของ Bitcoin ด้วยการเปิดตัวระบบ dashboard ตัวหนึ่งอีกด้วย

10 ปีให้หลัง แต่หลายสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปมากนัก

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมีเขาก็มีโอกาสได้เฝ้าดูการเติบโตของตลาด Bitcoin ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ และได้มีโอกาสเห็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดที่เพิ่มจาก 170,000 ดอลลาร์ไปเป็น 1.7 แสนล้านดอลลาร์

เขายังกล่าวต่ออีกด้วยว่าทุกครั้งที่ราคานั้นพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง มันมักจะดึงดูดผู้คนใหม่ ๆ ให้เข้ามาในตลาด เพื่อที่จะพยายามไขปริศนาความลับของ ‘เงินอินเตอร์เนทมหัศจรรย์’ รวมถึงการที่ทำไมเหรียญดังกล่าวนั้นถึงไม่ตายเสียที โดยเขาแสดงความเห็นต่ออีกว่าความผันผวนของราคา Bitcoin นั้นจะไม่จบลงในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน

“ทุก ๆ รอบที่ราคานั้นเกิดความผันผวน มันจะนำพามาซึ่งมีมใหม่ ๆ, บริษัทสตาร์ทอัพใหม่, การแฮ็คใหม่, บริษัทที่ล้มละลาย, การถูกล้างพอร์ต, และแน่นอน แลมโบคันใหม่ ธรรมชาติของ Bitcoin ในการเป็นเงินปลอดภัยนั้นหมายความว่านักขุดไม่สามารถที่จะเพิ่มจำนวน output เหรียญเพื่อเพิ่มตามความต้องการของตลาดได้ ดังนั้นผมจะไม่ทำนายว่าเราจะได้เห็นจุดจบของความผันผวนในเร็ว ๆ นี้แน่”

เขาสรุปว่า Bitcoin นั้นช่วยตอบคำถามในแง่ที่ว่ามันจะสามารถเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้หรือไม่ และมันยังแสดงให้ผู้คนได้เห็นอีกด้วยว่าเงินที่ปลอดภัยนั้นเป็นอย่างไร

นอกจากนี้เว็บเทรด Bitcoin ในตำนานอย่าง Mt.Gox นั้นยังได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อใครหลาย ๆ คนในแง่การเป็นเว็บเทรดคริปโตที่ถูกแฮ็ค โดยภายหลังจากที่มันล่มสลายไปแล้วนั้นเราได้เห็นเว็บเทรดเกิดใหม่ขึ้นมามากมาย และแม้ว่าเราจะได้รับบทเรียนจาก Mt.Gox ถึงการแฮ็คครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์แล้ว แต่สิ่งที่เราไม่มีวันจะเรียนรู้ได้เลยก็คือ

ความลึกของบ่อแห่งความโลภในใจของมนุษย์ที่เป็นต้นกำเนิดเหตุการณ์เหล่านั้นนั่นเอง