<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 สาเหตุที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกมีความต้องการในตัว Bitcoin มากขึ้น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การพุ่งขึ้นของราคา bitcoin ผ่านระดับ 11,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีส่งผลทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากออกมาแสดงความตื่นเต้น โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลทำให้ราคาของ BTC วิ่งทะลุผ่านแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ทำให้หลายๆคนต้องเกรงกลัวอย่างมาก

แต่กระนั้นก็ยังมีนักลงทุนชื่อดังบางคนอย่างเช่นนาย Peter Schiff หรือผู้บริหารของบริษัท Euro Pacific Capital อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ทองคำแบบสุดลิ่มทิ่มประตูได้ออกมาแสดงความเห็นเมื่อราคาของ bitcoin วิ่งผ่าน $10,000 ว่า

“ก่อนหน้านี้ 2 ครั้งที่ผ่านมาราคาของ bitcoin ได้พุ่งทะลุ 1 หมื่นดอลลาร์ไปแล้วในปี 2019 และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาของปีนี้ แต่ตอนหลังราคาของมันก็ได้ร่วม 38% และ 63% ตามลำดับ ครั้งล่าสุดที่ราคาของ bitcoin พุ่งทะลุ 1 หมื่นดอลลาร์นั้นคือช่วงเดือนพฤษภาคมและมันก็ร่วงลงมาเพียงแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ และในครั้งนี้มันก็พุ่งทะลุ 1 หมื่นดอลลาร์อีกครั้งคำถามคือหากราคามันร่วงครั้งต่อไปจะแรงขนาดไหน”

อย่างไรก็ตามบริษัทด้านการวิเคราะห์ด้านคริปโตอย่าง Fidelity Investments ได้ออกมาเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ที่ชี้ให้เห็นว่าความต้องการของเหรียญ bitcoin นั้นกำลังจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงระยะกลางจนถึงระยะยาว

การมีอุปสงค์มากขึ้นนั่นหมายความว่าอุปทานนั้นจะเริ่มลดลงเรื่อยๆและนั่นจะส่งผลทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น

สาเหตุที่ความต้องการในตัวของ bitcoin จะเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก

ในรายงานฉบับหนึ่งที่เขียนว่า “Bitcoin Investments Thesis: an Aspirational Store of Value” ที่ถูกทำขึ้นโดย Fidelity Digital Assets ได้ออกมาเผยถึงสาเหตุที่ตลาดทั่วโลกจะเริ่มหันมามีความต้องการในเหรียญของ bitcoin ที่มากขึ้นดังนี้

  • การอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในเศรษฐกิจเนื่องมาจากความต้องการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกจากโรคระบาดไวรัสโคโรน่าจะส่งผลทำให้นักลงทุน “หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของเขาต่อภาวะเงินเฟ้อหรือดอกเบี้ยต่ำ และยังเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตได้ซึ่งนั่นก็คือ bitcoin”
  • จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Deglobalization ซึ่งจะเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจและการเมืองโลก เมื่อระบบ supply chain ทั่วโลกนั้นล่มสลายลงและส่งผลทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่ง bitcoin ก็จะได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้
  • นักลงทุนในตำนานอย่างนาย Paul Tudor Jones ได้เริ่มหันมาลงทุนในบิทคอยน์แล้ว
  • และถ้าหากแม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะไม่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อย bitcoin ก็ยังมีความสามารถในการเป็นตัวเก็บมูลค่าได้ในระยะยาวหากเทียบกับเงินสดที่กำลังมีมูลค่าที่ลดลงเรื่อยๆ
  • ปัจจุบันโลกเรากำลังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “การส่งผ่านความมั่งคั่งครั้งยิ่งใหญ่” ซึ่งจะเป็นการถูกส่งจากพ่อแม่ยุค baby boomer ที่กำลังแก่ชราลงเรื่อยๆไปให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน และอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคนรุ่นใหม่ได้รับสินทรัพย์จำนวนมหาศาลเหล่านี้ โปรดจำไว้ว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้ชอบ bitcoin มากกว่าทองคำ

รายงานของ Fidelity มีขึ้นไม่นานนักหลังจากที่ทางบริษัทได้ทำผลสำรวจไปก่อนหน้านี้ โดยพวกเขาค้นพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่กำลังเริ่มหันมาให้ความสนใจในคลิปโต currency แล้ว

โดยในผลสำรวจดังกล่าวเผยว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของนักลงทุนเริ่มเห็นความสำคัญในตลาดเหรียญคริปโต โดยจุดที่น่าสนใจหลักๆของมันก็คือโอกาสในการเติบโตขึ้นได้ในระยะยาว รวมถึงการพัฒนาในตัวของเทคโนโลยีและเหรียญอื่นๆในตลาดด้วย