ในขณะที่กระแส Fomo ของ DEFI กำลังได้รับความนิยมอย่างล้มหลาม แต่ขณะเดียวกันสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ก็ได้ไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของ Ethereum ที่ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
จำนวนเงินที่นักลงทุนใช้จ่ายไปเพื่อทำธุรกรรมระหว่างโทเค็น ERC-20 นั้นได้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในขณะนี้ โดยมีการใช้จ่ายค่าธรรมเนียมทั้งหมดเป็นจำนวนสูงถึง 6.8 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
ความบ้าคลั่งของ DeFi ได้รับแรงฉุดเมื่อแรงจูงใจทางการเงินกำลังเติบโตต่อเนื่อง
ในช่วงตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนรู้สึกประทับใจกับผลตอบแทนมหาศาลที่ได้รับจากโทเค็นที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของ DeFi
โดยผู้ใช้สามารถทำกำไรจากเทรนด์แนวโน้มนี้ได้สองวิธี หนึ่งคือการซื้อโทเค็นที่เกี่ยวข้องกับโปรโตคอลต่าง ๆ ภายในระบบนิเวศหรือสองด้วยการ “ทำฟาร์ม” เพื่อรับผลตอบแทนจากแพลตฟอร์ม
เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้ นักลงทุนจึงแห่พากันเข้ามาใช้โทเค็น ERC-20 กันอย่างบ้าคลั่ง
และนั่นเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก ที่อยู่เบื้องหลังแรงแรงซื้อที่ไหลบ่าเข้ามาและส่งผลให้ราคาของ ETH พุ่งสูงขึ้นจากระดับ 230 ดอลลาร์ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับสูงสุดที่ 421 ดอลลาร์ ในขณะที่เขียนบทความ
ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมของ Ethereum พุ่งแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อ้างอิงรายงานล่าสุดจากทาง Glassnode แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลบน On-chain ที่เปิดเผยว่าขณะนี้ผู้ใช้ได้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนกว่า 17,500 ETH ต่อวัน หรือคิดเป็นมูลค่าเทียบกับ 6.8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในประวัติศาสตร์ คริปโต
“จำนวนค่าธรรมเนียมที่ใช้กันในเครือข่าย Ethereum นั้นสูงกว่าที่ผ่าน ๆ มา (ตอนนี้สูงกว่าวันเดียวในเดือนมิถุนายนด้วยค่าธรรมเนียมที่ผิดปกติ และตอนนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการใช้งานเครือข่ายปกติแต่อย่างใด) ปัจจุบันมีการใช้จ่ายค่าธรรมเนียมมากกว่า 17,500 ETH (6.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) ต่อวันบนเครือข่ายของ Ethereum”
ราคาค่าธรรมเนียมกลางสำหรับค่า Gas ที่ใช้ต่อธุรกรรมยังคงพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 217 Gwei ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้ใช้ Ethereumต้องแข่งขันกันอย่างหนักเพื่อให้ธุรกรรมของพวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็ว
มีความเป็นไปได้สูงว่าเทรนด์นี้จะยังคงได้รับความนิยมต่อไปเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้ใช้พยายามหารายได้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ DeFi และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็ว ๆ นี้
ที่มา : newsbtc