อดีตผู้บริหาร project ที่บริษัทด่านคริปโตเคอเรนซี่ที่ถูกปิดตัวลงไปแล้วอยาก Bitsonar นามว่า Yaroslav Shtadchenko ได้ออกมาแจ้งความกับตำรวจ FBI ของสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าบริษัทดังกล่าวนั้นฉ้อโกง โดยมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือผู้ก่อตั้งบริษัทนาย Alexander Tovstenko โดยเขาเคยจ้างนาย Shtadchenko ให้มาทำงานด้านที่ปรึกษา, การตลาดและพัฒนาเว็บไซต์ให้กับบริษัท
รายงานชี้ว่าภายหลังนั้นนาย Shtadchenko ได้รับรู้ว่า Bitsonar เป็นบริษัทด้านแชร์ลูกโซ่และสิ่งที่บริษัททำก็คือการดึงดูดเม็ดเงินของนักลงทุนเข้ามาในบริษัทโดยไม่มีเจตนาที่จะคืนให้กับพวกเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังรู้อีกด้วยว่าบอทสำหรับเทรดของบริษัทที่ควรจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเพื่อทำกำไรให้กับนักลงทุนกลับถูกควบคุมและทำงานแบบ manual ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการฉ้อโกง
นอกจากนี้นาย Shtadchenko ยังได้กล่าวในรายงานอีกด้วยว่าเขาได้สวมรอยเป็นพนักงานอีกคนของ Bitsonar โดยใช้ชื่อปลอมว่า Jan Novak เพื่อไปให้สัมภาษณ์ที่บริษัท Forklog หรือบริษัทด้านสื่อ Cryptocurrency ในประเทศรัสเซีย เพื่อเปิดโปงนาย Tovstenko ว่าเขากำลังสร้างบริษัทเพื่อหลอกลวงนักลงทุน ยิ่งไปกว่านั้นสื่อท้องถิ่นในประเทศยูเครนยังได้รายงานอีกว่านาย Shtadchenko ยังเคยถูกลักพาตัวก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะถูกเปิดโปงว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการฉ้อโกง แต่อย่างไรก็ตามนาย Shtadchenko ก็ไม่ได้ออกมากล่าวหานาย Tovstenko หรือรัฐบาลยูเครนว่าเป็นผู้ลักพาตัวเขาในคดีความฟ้องร้องต่อ FBI โดยวีดีโอด้านล่างนี้เผยให้เห็นถึงการถูกลักพาตัวของนาย Shtadchenko โดยอ้างอิงจากสื่อท้องถิ่น
Bitsonar อ้างว่าเป็นบริษัทด้านการลงทุนที่กำลังบริหารเงินของนักลงทุนกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ในรูปแบบคริปโตเคอเรนซี่จากนักลงทุนทั่วโลก โดยในขณะนี้รายงานจากสื่อทั่วโลกเผยว่าบริษัทดังกล่าวนั้นได้กลายเป็นบริษัทด้านการฉ้อโกงและนักลงทุนจากทั้งในประเทศสหรัฐ, อังกฤษ, แคนาดา, ยูเครนและอื่นๆจะไม่สามารถนำเงินของพวกเขากลับคืนมาได้โดยเฉพาะตอนช่วงที่หลังจากทาง Bitsonar ปิดการถอนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นาย Shtadchenko คู่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมในเมือง Kyiv แต่ก็กลับมาในอีก 4 วันถัดมาโดยเขากล่าวว่ากลุ่มคนที่เข้ามาลักพาตัวเขานั้นเป็นตำรวจยูเครน โดยในวันเดียวกันหน่วยงาน Security Service of Ukraine ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาได้ป้องกันไม่ให้มีการสังหารนักธุรกิจไอทีที่ทำงานให้กับบริษัทด้านคริปโตเคอเรนซี่แห่งหนึ่ง และทำการจับกุมเพื่อนของเขาที่ทำการตั้งค่าหัว 5,000 ดอลลาร์แทน แต่อย่างไรก็ตามทาง SSU ก็ยังไม่ได้ออกมาเผยชื่อว่าใครเป็นเหยื่อและใครเป็นอาชญากร