CEO ของบริษัทด้านการลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ MicroStrategy นาย Michael Saylor กล่าวว่าการเข้าซื้อ Bitcoin ในตอนนี้ไม่ต่างจากการลงทุนในบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Facebook, Google และ Amazon เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
โดยอ้างอิงจากนิตยสาร Block Journal ฉบับเดือนพฤศจิกายน เจ้าของบริษัทด้านการลงทุน MicroStrategy ที่เพิ่งจะซื้อ Bitcoin มูลค่า 425 ล้านดอลลาร์ไปเมื่อไม่นานมานี้ได้ออกมาแนะนำให้หลาย ๆ คนเลือกลงทุนใน Bitcoin
โดยในการสัมภาษณ์ของเขากับนิตยสารดังกล่าวนั้น นาย Saylor กล่าวว่า Bitcoin นั้นไม่เพียงแต่เป็นตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ยังเป็นเครือข่ายด้านการเงินดิจิทัลที่แท้จริง นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกด้วยว่าการเข้าซื้อเหรียญคริปโตนั้นก็ไม่ต่างจากการเข้าซื้อหุ้นบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในปัจจุบันตอนที่มันเพิ่งจะถูกก่อตั้งใหม่ ๆ
“และเมื่อตอนที่ผมบอกว่าเครือข่ายด้านเงินดิจิทัล ผมได้วางมันไว้บนหิ้งต่อจาก Google ในการที่มันเป็นเครือข่ายด้านการค้นหาตัวแรก, YouTube ในการเป็นเครือข่ายด้านวีดีโอดิจิทัลตัวแรก, Apple ในการเป็นเครือข่ายด้านโทรศัพท์ดิจิทัลตัวแรก, และ Facebook ในการเป็นเครือข่ายโซเชียลตัวแรก มันถือเป็นเรื่องที่มีศักยภาพมาก ๆ”
นาย Saylor กล่าวว่าความสามารถในการเป็นตัวเก็บมูลค่าของ Bitcoin นั้นสามารถเอาชนะทองคำได้ในแง่ของตัวเก็บมูลค่า เนื่องจากว่ามัน “แข็งค่ากว่า, ฉลาดกว่า, เร็วกว่า และแข็งแกร่งกว่า” ทองคำ โดยเขายังชี้ว่าแม้ว่าปีนี้ผลตอบแทนจากการลงทุน BTC จะดูสูงแล้ว แต่หากเข้าซื้อตอนนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้น
“มันมีขาขึ้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับซื้อหุ้น Apple, Facebook, Google, หรือ Amazon ในช่วง 10 ปีที่แล้ว แต่มันจะไปไหนต่อจากจุดนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก”
โดยในขณะนี้ Bitcoin ที่ MicroStrategy ถืออยู่นั้นมีอยู่ราว ๆ 38,250 BTC และมีมูลค่าราว ๆ 596 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก Bitcoin Treasuries นั่นหมายความว่าพวกเขาได้รับกำไรไปแล้ว 171 ล้านดอลลาร์จากที่ซื้อไป 425 ล้านดอลลาร์
เมื่อถามว่า MicroStrategy ได้มีการเปิด stop loss หลังซื้อ BTC ไปเยอะขนาดนั้นหรือไม่ นาย Saylor กล่าวว่าทางบริษัทวางแผนในการถือสินทรัพย์ดังกล่าวในระยะยาวอยู่แล้ว
“พวกเราซื้อมันและถือตลอดกาล ผมหมายถึง เหมือนกับที่ Warren Buffett จะกล่าวไว้ว่าแนวคิดของการถือสินทรัพย์นั้นก็คือตลอดกาล หากเราไม่คิดว่าสินทรัพย์ในคลังนั้นไม่ถือเป็นของดี เราคงจะไม่ซื้อมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”