นาย Steve Forbes หรือประธานบริษัทของ Forbes Media ได้ออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นสามารถที่จะมาเป็นทองคำใหม่ของโลกนี้ได้ แต่ในตอนนี้มันยังไม่ถึงขั้นนั้น อ้างอิงจากรายการ What’s Ahead ของพวกเขา
“มันอาจจะกลายมาเป็นทองคำใหม่ แต่วันนั้นมันยังไม่มาถึง ดังนั้นตอนนี้ทองคำจึงเป็นตัวป้องกันเงินเฟ้อที่ดีที่สุด”
นาย Steve ที่คาดว่ามีสินทรัพย์รวมกันทั้งหมดราว ๆ 1.2 หมื่นล้านบาทนั้นมีความเชื่อว่า Bitcoin มีราคาที่ผันผวนมากเกินไปที่จะถูกนำมาใช้พิจารณาเป็นตัวเก็บมูลค่าได้ พร้อมแสดงความเห็นว่ามันมีลักษณะเหมือนกับ “รถไฟเหาะ”
“Bitcoin นั้นยังคงดูมีความผันผวนมากเกินกว่าที่จะเป็นตัวเก็บมูลค่าในระยะยาวเหมือนกับทองคำได้”
ทองคำยังเป็นตัวเก็บมูลค่าที่เหนือกว่า
นาย Forbes ได้ออกมากล่าวว่าการแห่พิมพ์เงินของรัฐบาลทั่วโลกนั้นกำลังเป็นตัวเร่งให้ราคาของ Bitcoin พร้อม ๆ กับความสนใจของนักลงทุนสถาบันที่กำลังเข้ามาในตลาดที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยก่อนหน้านี้ราคาของ BTC นั้นได้วิ่งไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์มาแล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นาย Steve ยังคงมองว่าการนำเอาอัตราการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin มาตัดสินว่ามันเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ดีกว่าทองคำนั้นถือเป็นเรื่องที่ผิด
“สิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ของเหรียญคริปโตเป็นจำนวนมากพลาดคำนึงถึงไปก็คือการที่ทองคำนั้นยังคงมีมูลค่าที่แท้จริงมากกว่าสิ่งไหน ๆ บนโลกนี้ที่มันมีมากว่า 4,000 ปีแล้วเสียอีก”
นาย Steve Forbes ผู้เป็นหลานของนาย Bertie Charles Forbes หรือผู้ก่อตั้งนิตยสาร Forbes ยังคงมีความเห็นว่ารัฐบาลนั้นควรที่จะกลับมาใช้มาตรฐานของทองคำในการนำมันมาผูกไว้กับค่าเงินหลัก เพื่อที่มันจะได้มีความเสถียรมากขึ้น
“ประสบการณ์นั้นได้ถูกแสดงมาให้เห็นแล้วหลายพันปีว่าการนำค่าเงินมาผู้ไว้กับทองคำนั้นถือเป็นวิธีการในการสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่ดีที่สุด พวกเราได้เห็นว่ามันดีมาก ๆ เลยในสหรัฐฯตอนช่วงปี 1790-1970 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีอัตราเติบโตที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้”
หายากมากเกินไป
นักเทรด Bitcoin กำลังมองว่าเหรียญดังกล่าวนั้นมีอัตราเงินเฟ้อรายปีที่ต่ำกว่าของทองคำแล้ว หากนับตั้งแต่ตอนหลังการ halving ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนาย Steve มองสิ่งนี้ว่าเป็นข้อเสีย เนื่องจากการไปจำกัดจำนวน supply ของมันนั้นจะเป็นการทำให้ประโยชน์ของมันนั้นลดลง
“ในอีกแง่ของทองคำ จำนวน supply ของมันโดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งสิ่งนี้ทำให้มันมีความหายากมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หายากเท่ากับ Bitcoin ท่ามกลางการเติบโตของมันเรื่อย ๆ”