ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายเหรียญอันดับ 2 ของโลกอย่าง Ethereum นั้นดูเหมือนว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมันได้แตะ 17.43 ดอลลาร์ (522 บาท) ไปแล้ว อ้างอิงข้อมูลจาก YCharts โดยก่อนหน้านี้ตัวเลขดังกล่าวนั้นอยู่แค่ 10.20 (305.49 ดอลลาร์) ดอลลาร์เท่านั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ปัจจุบันค่าธรรมเนียมที่ 17.43 ดอลลาร์ต่อการทำธุรกรรมหนึ่งครั้งนั้นส่งผลทำให้ค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของเหรียญ Ethereum นั้นได้พุ่งแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติกาล โดยเอาชนะสถิติเก่าที่ 12.54 ดอลลาร์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตอนที่เกิดเหตุการณ์กระแส DeFi โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเหรียญ ETH นั้นได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีค่ามีเดียนอยู่ที่ 1.63 ดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจาก Etherscan, ETH Gas Station และ Gas Now
ปัจจุบันนักฟาร์ม Yield บน DeFi นั้นเป็นกลุ่มคนหลัก ๆ ที่ใช้แพลทฟอร์ม Ethereum มากกว่าคนกลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะการที่พวกเขาต้องโอนเหรียญ Stablecoin เป็นหลัก ซึ่งส่งผลทำให้เครือข่าย Ethereum นั้นมีอัตราผู้ใช้งานที่คึกคักมากกว่าเหรียญอื่น ๆ และเหตุการณ์นี้นี่เองที่ส่งผลทำให้ค่าธรรมเนียมของมันต้องแพงขึ้นอย่างมาก
นอกเหนือจากนี้เหตุการณ์ค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นของเหรียญ Ethereum นั้นดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่โปรเจค DeFi อย่าง Aavegotchi ได้เลื่อนการเปิดตัว mainnet ของพวกเขาไป โดยพวกเขากล่าวว่าอาจจะพิจารณาการเปิดตัว “L2 first” บนเครือข่าย Matic Network อีกด้วย
การเปิดตัวใช้งาน Ethereum 2.0 นั้นถือเป็นการอัพเกรดโปรโตคอล proof of work ให้กลายเป็น proof of stake ที่หลัก ๆ นั้นทางนักพัฒนาคาดการณ์ว่าจะมาช่วยขยายขอบข่ายการใช้งาน Blockchain ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยลดค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยบนเครือข่ายอีกด้วย แม้ว่าขั้นตอนเฟส 0 นั้นจะเสร็จเรียบร้อยไปด้วยดีแล้วนั้น แต่นักวิเคราะห์บางรายก็าดการณ์ว่ามันอาจจะใช้เวลาหลายปีในการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายให้กลายเป็น proof of stake ทั้งหมด และนั่นอาจจะช่วยลดต้นทุนด้านค่าธรรมเนียมธุรกรรมไปได้มาก
ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการที่โวลุมการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมงของเหรียญ Ethereum นั้นได้พุ่งทำจุดสูงสุใหม่เป็นประวัติกาล อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap
การเพิ่มขึ้นของการทำค่าธรรมเนียมในตลาด Ethereum และค่าธรรมเนียมในการเทรดนั้นมีขึ้นก่อนการประกาศเปิดตัว ETH Futures ที่จะมีขึ้นในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาพวกเขาเคยประกาศเปิดตัวตลาด Bitcoin Futures มาแล้ว และหลังจากนั้นราคาก็ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ท่ามกลางการให้ความสนใจของนักลงทุนอย่างล้นหลาม
ปัจจุบันราคาของเหรียญ Ethereum นั้นดูเหมือนว่าจะเหลืออยู่แค่ 300 ดอลลาร์เท่านั้นก็จะสามารถวิ่งไปแตะจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติกาลที่เคยทำไว้ที่ 1,430 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2018 ได้ ซึ่งราคา Bitcoin ได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมไปแล้ว แต่ก็ต้องรอลุ้นกันว่า Ethereum จะทำได้ไหม