ดูเหมือนว่าหลังจากที่ราคา Bitcoin ได้พุ่งแตะระดับ 1 ล้านบาทไปเมื่อวันเสาร์ที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา เราได้เห็นกระแส FOMO ของนักเทรดชาวไทยที่แห่กันเข้ามาในตลาดอย่างคับคั่ง จนส่งผลทำให้เว็บกระดานเทรดชั้นนำในไทยอย่าง Bitkub ต้องเกิดปัญหาเว็บล่ม จนต้องออกมาประกาศปิดปรับปรุงชั่วคราว
แต่ทว่าการประกาศปิดปรับปรุงของเว็บเทรด Bitkub นั้น ดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับนักเทรดในไทยเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยราคา Bitcoin ในเว็บตลาดโลกได้พุ่งทะลุ 34,000 ดอลลาร์ไปในช่วงเวลานั้น ทำให้พวกเขากลัวว่าจะพลาดการเทขายเหรียญคริปโตเพื่อทำกำไรนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเมื่อวันอังคารที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ทาง Bitkub ได้ออกมาประกาศชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Bitkub ใน “Bitkub LIVE: Talk with CEOs” พร้อมอธิบายมาตรการเยียวยาและปรับปรุง รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชั่นและการลงทุนใน Bitcoin จากบรรดาผู้บริหารเครือ Bitkub
เงินไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นเพราะการแสดงผลที่ผิดพลาด
อย่างที่เราทราบกันดีว่าในช่วงเวลาที่เว็บเทรด Bitkub ปิดปรับปรุงไปนั้น หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งนักเทรดคริปโตชาวไทยก็ได้เจอกับข้อบกพร่องบางอย่างที่ส่งผลทำให้ยอดเงินของพวกเขาหายไป จนส่งผลทำให้เกิดความตื่นตระหนกกันยกใหญ่ เพราะเกรงว่าเงินลงทุนของพวกเขาจะหายไปทั้งหมด
อย่างไรก็ตามทางคุณต้น สกลกรย์ สระกวี ประธานของบริษัท Bitkub Capital Group Holdings ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ใน Live แล้วว่านักเทรดไม่ต้องกังวล เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่ปัญหาแสดงผลข้อมูลผิดพลาดเท่านั้น
“ปัญหาที่หลายท่านกังวลกันมากที่สุดตอนนี้ คือเงินหายไปไหน ผมขอย้ำว่าเงินไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นเพราะการแสดงผลที่ผิดพลาด แนะนำว่าสามารถเข้าไปดูใน History ได้ ไม่ว่าจะเป็นยอดโอนเข้า เทรดไปเท่าไหร่บ้าง มีเหลือเท่าไหร่ ตรงนี้สามารถตรวจสอบได้ และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอน”
Bitkub มอบ Fee Credit 500 บาท เพื่อเป็นการชดเชย
นอกจากปัญหาการแสดงผลข้อมูลผิดพลาดที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ผู้ใช้งานของ Bitkub ยังต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่สามารถเข้าถึงเว็บเทรดได้ในบางช่วงเวลา รวมถึงการยืนยันตัวตน KYC ที่ล่าช้า ทำให้ผู้ใช้งานรอกับต้องรอนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่งผลพวกเขาเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพลาดโอกาสทำกำไรใน Bitcoin
โดยคุณเค อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ CEO ของ Bitkub Online ได้มีการออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ทาง Bitkub ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นและขอมอบมาตรการเยียวยาให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นการชดเชย
“ผมขอย้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงมาตรการเยียวยาที่จะมอบให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบก่อนนะครับ เหตุการณ์ที่ 1 คือช่วงวันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2021 ช่วง 3 ทุ่ม — เที่ยงคืน มีผู้ใช้จำนวนมากเข้ามาเกินความคาดหมาย เราเลยต้องทำการอัพเกรดระบบฉุกเฉิน คนที่เข้ามาในช่วงนั้นก็เลยไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเราก็จะมอบ Fee Credit 500 บาท เป็นการชดเชยให้”
“เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2021 ที่ราคา Bitcoin ขึ้นไปถึง 1 ล้านบาท ทำให้มีคนจำนวนที่มากยิ่งกว่าเหตุการณ์แรกเข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานบางท่านไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ในจุดนี้เราก็จะมอบ Fee Credit 500 บาท เป็นการชดเชยให้เช่นกันครับ”
“เหตุการณ์ที่ 3 คือเรื่องของ KYC สำหรับลูกค้าบางรายที่รอนานกว่า 24 ชั่วโมง จุดนี้เราก็ไม่นิ่งเฉยและพยายามเคลียร์ให้ได้มากที่สุดในแต่ละวันนะครับ สำหรับลูกค้าที่รอนานกว่า 24 ชั่วโมง ทางเราก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ แน่นอนว่าลูกค้าที่ประสบปัญหาตรงนี้เราก็จะมอบ Fee Credit 500 บาท เป็นการชดเชยเช่นกันครับ”
“หากท่านใดยังมีปัญหาในส่วนนี้อยู่ ให้ส่งเรื่องมายัง [email protected] ทีมงานจะรีบดำเนินการแก้ไขให้ครับ”
เตรียมติดตั้งระบบ Auto-scaling เพื่อรับรองผู้ใช้งานในอนาคต
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทาง Bitkub ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว โดยทางคุณ ต้น สกลกรย์ กล่าวระหว่างการชี้แจงใน Live ถึงเรื่องการปรับปรุงระบบว่า ในอนาคตทาง Bitkub จะมีการเพิ่มระบบ Auto-scaling เข้ามาช่วยเพื่อแก้ปัญหาผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น
“ในอนาคต ทีม Bitkub กำลังพัฒนาในหลาย ๆ ส่วน ทั้งในเรื่องของ Auto-scaling เพราะเมื่อ 2–3 วันที่ผ่านมา คนเข้ามาเยอะมาก แม้เราจะมี Auto-scaling ในระดับหนึ่ง แต่จำนวนคนที่เข้ามาก็เกินที่คาดการณ์เอาไว้มาก ทำให้เรารับรองทุกท่านไม่ทันจริง ๆ จึงได้ประกาศทำการปิดปรับปรุงด่วนไปเมื่อวันก่อน ซึ่งหลังปรับปรุงแล้วน่าจะสามารถรองรับลูกค้ามากขึ้นอีก 50% แต่เราก็ยังไม่นิ่งนอนใจ ในอนาคตเราจะหาวิธีป้องกันในส่วนนี้เอาไว้อย่างแน่นอน”
“จากนี้ไป ไม่เกิน Q1 เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับ Database อีก ทุกท่านจะได้เห็นข้อมูลบนแอปที่ถูกต้องและครบถ้วนอย่างแน่นอนครับ”
นักลงทุนไม่ควรขายบ้าน ขายรถมาซื้อ Bitcoin
ทางด้านคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา CEO ของ Bitkub Capital Group Holdings ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นของ Bitkub ด้วยเช่นเดียวกัน โดยคุณท็อปกล่าวว่า
“ตอนนี้อย่างที่กล่าวไว้ มีคนสมัครเข้ามาวันละ 40,000 เท่ากับสนามฟุตบอล 1 สนาม ผมอยากขอให้ทุกท่านค่อย ๆ กรอกข้อมูล KYC ให้ถูกต้องนะครับ จะได้ผ่านภายในทีเดียว หากกรอกผิดก็ต้องกลับไปแก้ก่อน และต้องต่อท้ายแถว 40,000 คน และข้อมูลตรงนี้จะมีผลโดยตรงเกี่ยวกับการเงินของลูกค้านะครับ จึงอยากให้ค่อย ๆ กรอก อย่ารีบร้อนครับ”
“ทั้งนี้ การทำ KYC หากผ่าน Level 1 แล้วคือสามารถซื้อขายได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำ Level 2 สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Level 1 กับ Level 2 คือเรื่องของจำนวนเงินที่สามารถฝาก-ถอนเข้ามาได้ ซึ่ง Level 1 จะมีลิมิตอยู่ที่ 2 ล้านบาท/วัน ซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับทุกคนแล้ว”
“เรื่องเงินหาย ตรงนี้เราขอย้ำว่าเงินไม่ได้หายไปไหนครับ เป็นเรื่องของการแสดงผลที่ผิดพลาด เงินของทุกท่านยังอยู่กับ Bitkub แน่นอน 100% ซึ่งเราก็กำลังพัฒนาระบบให้สามารถรองรับทุกคนให้ได้อย่างแน่นอนครับ”
“ก่อนหน้านี้มีประเด็นเกี่ยวกับ Bitcoin Cash (BCH) Hardfork ที่มีลูกค้าบางท่านร้องเรียนว่าไม่ได้เหรียญใหม่ที่เกิดจากการ Hard Fork ซึ่งเป็นเพราะ 3rd party ของเราที่ไม่สนับสนุนในจุดนี้ ดังนั้นเราเลยควักกระเป๋าเงินตัวเองเพื่อจ่ายชดเชยให้กับลูกค้าที่ถือเหรียญ BCH ของเราทุกคนเป็นมูลค่าหลายสิบล้านบาทครับ”
ในส่วนของเรื่องการลงทุนในคริปโตและ Bitcoin ทางคุณท็อปก็ได้พยายามย้ำเตือนด้วยว่า นักลงทุนไม่ควรประมาทและ All-in ด้วยเงินทั้งหมดที่มี เนื่องจากตลาดคริปโตนั้นความผันผวนสูง มีโอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ อีกทั้งยังมีเรื่องมิจฉาชีพที่ของนักลงทุนอาจสูญเสียเงินไปทั้งหมดหากไม่ระวัง
“ขอย้ำเตือนว่า ในช่วงที่ราคา Bitcoin ขึ้นแรงเช่นนี้ มักจะมีมิจฉาชีพพยายามเข้ามาหลอกหลวงเอาทรัพย์สินของท่านไปได้ จึงอยากขอให้ทุกท่านเลือกใช้บริการ Exchange ที่ได้รับความน่าเชื่อถือนะครับ ในประเทศไทยก็มีประมาณ 5–6 เจ้าที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ไม่แนะนำให้ไปใช้บริการ Exchange ต่างประเทศ หากเกิดปัญหาขึ้นมาทางเราก็อาจไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ครับ”
“ผมไม่สามารถบอกได้ว่าทิศทางในอนาคตของ Bitcoin จะเป็นอย่างไร ผมสามารถบอกได้แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งการขึ้นของราคา Bitcoin ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6 เดือน ซึ่งตามสถิติเดิมในช่วงที่เกิด Bitcoin Halving เมื่อ 4 ปีก่อน ราคาก็พุ่งขึ้นในภายหลังอย่างนี้เช่นกันครับ”
“ผมไม่แนะนำให้ลูกค้าขายบ้านขายรถเพื่อมาซื้อ Bitcoin เงินลงทุนในส่วนนี้ควรเป็นเงินเย็นเท่านั้น ไม่ควรนำเงินร้อนที่เสี่ยงไม่ได้มาลงทุนในจุดนี้”
สำหรับเรื่องของ Bitcoin นั้นทางคุณท็อปก็ได้มีการอธิบายความรู้ความเข้าใจคร่าว ๆ ให้นักเทรดหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาลงทุนในตลาด พร้อมให้คำแนะนำพวกเขาด้วยว่าควรหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้
“เหตุผลที่ผมเชื่อมั่นใน Bitcoin หรือเทคโนโลยี Cryptocurrency ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Paypal ที่เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกาศเปิดรับ Bitcoin เป็นหนึ่งในช่องทางชำระเงิน ซึ่งก็น่าคิดนะครับว่าทำไมบริษัทอย่าง Paypal ที่เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก เค้าถึงเปิดรับ Bitcoin, Facebook ก็เช่นกัน พวกเขาใหญ่มากขนาดที่ว่าสามารถเข้าไปในวงการไหนก็ได้ แต่พวกเค้าเลือกที่จะทำ Cryptocurrency เลือกที่จะทำ Libra ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น Diem นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ผมเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้”
“Cryptocurrency เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก แต่ทุกคนต้องศึกษาทำความเข้าใจในเทคโนโลยีนี้ให้ดีเสียก่อน พยายามศึกษาจากหลาย ๆ แหล่ง ไม่จำเป็นต้องฟังจากผมคนเดียวก็ได้ อีกหนึ่งช่องทางที่ทุกท่านสามารถศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ได้คือ Bitkub Academy ครับ”
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่าปัญหาการใช้งานที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาที่แก้ไขได้อย่างแน่นอน แต่ต้องใช้เวลาบ้าง อย่าเพิ่งใจร้อนไปใช้บริการเว็บไซต์ต่างประเทศ หากเกิดปัญหาขึ้นมาทางผมก็ไม่สามารถช่วยได้จริง ๆ
ตอนนี้ Bitkub กำลังพยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับคนไทย เรากำลังเปิดรับพนักงานใหม่อีก 200 ตำแหน่งเพื่อมาช่วยกันผลักดันให้ Bitkub กลายเป็น Unicorn ตัวแรกของประเทศไทยให้ได้”