<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ใช้กระเป๋าเก็บ Bitcoin ชื่อดัง Ledger ถูกแบล็กเมลหนัก หลังข้อมูลลูกค้ากว่า 20,000 คนรั่วไหล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้ใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัล Ledger ได้รับอีเมลขู่ทำร้าย หรือเรียกค่าไถ่ หลังจากที่เกิดเหตุข้อมูลลูกค้ารั่วไหลจากเว็บไซต์ซื้อขายสินค้า Shopify 

กระแสตอบรับที่เลวร้ายต่อบริษัท Ledger ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังลูกค้าจำนวนมากไม่พอใจในการทำงานของบริษัท Ledger ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าจำนวนมากรั่วไหล

ซึ่งทางบริษัทยังปฏิเสธที่จะทำการชดเชยใด ๆ ให้กับลูกค้ารวมไปถึงคนที่ถูกทำการ SIM swapping อีกด้วย ซึ่งบริษัทเพียงแค่อัปเดทถึงสถานการณ์ล่าสุดว่าได้มีลูกค้าที่รับผลกระทบเพิ่มขึ้นไปอีก โดยข้อมูลลูกค้าของ Ledger กว่า 20,000 รายได้รั่วไหลเพิ่ม ซึ่งข้อมูลที่รั่วไหลออกมาในครั้งนี้ประกอบไปด้วย ชื่อ อีเมล ที่อยู่เพื่อรับไปรษณีย์ และเบอร์โทรศัพท์

ลูกค้าที่ถูกขโมยข้อมูลไปนั้นยังคงได้รับการแบล็กเมลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในอีเมลจะขู่ว่า หากไม่โอนเงินหรือเหรียญคริปโตให้ตามที่ผู้ข่มขู่กำหนดจะมีการทำร้ายร่างกายหรือทรัพย์สินตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ในอีเมล

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนว่า “ไม่มีใครบ้าบิ่นพอที่จะบุกไปทำร้ายคนตามที่อยู่ดังกล่าวหรอก แต่ผมก็เข้าใจว่าเพียงแค่เห็นที่อยู่ของเราปรากฏอยู่บนอีเมลก็ทำให้เราหัวเสียมากเกินพอแล้ว”

ผู้ใช้ Reddit ก็ได้ออกมากล่าวเตือนว่า เขาทำการซื้อ Ledger Nano S เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ได้รับอีเมลข่มขู่ดังกล่าวเช่นกัน

“ขอให้ทุกคนอย่าถูกอีเมลพวกนี้ทำให้ตื่นตระหนก เป้าหมายของนักต้มตุ๋นเหล่านี้คือการใช้ความกลัว และความหวาดระแวงของพวกคุณ เพื่อที่คุณจะยอมส่งค่าไถ่ตามคำเรียกร้องของพวกมันเท่านั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันส่งต่อข้อความนี้เพื่อจะได้เตือนภัยกันก่อนจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นเหล่านี้”

ล่าสุด Ledger ได้ออกมาแถลงว่ากำลังประสานกับเจ้าหน้าที่และบริษัทความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับระบบ Blockchain เพื่อจะได้สืบหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป แต่ก็ยังไม่มีการประกาศแสดงความเสียใจหรือความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น

เช่นเดียวกับเว็บไซต์ Shopify ที่ได้ทำเพียงกล่าวหานักต้มตุ๋น และกล่าวโทษพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกค้าเท่านั้น ซึ่งการตอบโต้เช่นนี้ทำให้น่ากังวลเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้ Shopify ยังถูกเตือนโดยผู้บริการ E-commerce ในพื้นที่หลังจากพบว่าอาจมีส่วนพัวพันกับการขายข้อมูลของลูกค้าอีกด้วย

ที่มา: beincrypto.com