<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กองทุนระดับโลกคาดราคา Bitcoin อาจพุ่งแตะ 3.4 ล้านบาท เนื่องจากคนเทรด Altcoins กันน้อยลง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลใหม่จากบริษัทด้านการลงทุนและกองทุนเฮดจ์ฟัจด์ Pantera Capital เผยให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในปัจจุบันนั้นกำลังเป็นไปตามวิถีของโมเดล stock-to-follow และนักวิเคราะห์ของบริษัทคาดว่าราคา BTC อาจจะพุ่งแตะ 115,212 ดอลลาร์ภายในวันที่ 1 สิงหาคมของปีนี้

ช่วงขาขึ้นแบบพาราโบลาของ Bitcoin อาจทำให้ราคาสูงกว่าการคาดการณ์ของโมเดลนี้เล็กน้อยและการปรับฐานราคาลดลง 28%ในสัปดาห์นี้จะส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ช่วงเก็บสะสมราคา ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นต่อไป 

โมเดลดังกล่าวนี้จะมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบด้านราคาที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin ซึ่งจะเป็นการปรับลดอุปทาน Bitcoin ลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี

ดังกราฟด้านบนเผยให้เห็นถึงการเติบโตของราคา Bitcoin ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันผลตอบแทนของ BTC ดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกับวัฏจักรช่วงขาขึ้นของปี 2012 และปี 2016 ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 300,000 ถึง 400,000 ดอลลาร์ในอีก 450 วันหรือประมาณวันที่ 4 สิงหาคม

สัญญาณของตลาดที่กำลังเติบโต

ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งระหว่างช่วงขาขึ้นในปัจจุบันและปี 2017 นั้นก็คือส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin และ Ethereum ที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนสถาบันได้เลือกกลุ่มสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล 

นาย Andy Yee ผู้อำนวยการนโยบายสาธารณะของ Visa ในประเทศจีนได้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาเหล่านี้ โดยเขากล่าวว่า :

“ช่วงขาขึ้นครั้งนี้ดูแตกต่างจากปี 2017 อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเงินลงทุนในเหรียญ Altcoin ของปี 2017 ได้หลั่งไหลเข้าสู่ Bitcoin และ Ethereum ในวันนี้ ”

ดังที่แสดงในกราฟด้านบน Bitcoin และ Ethereum ได้รับส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 86% ของมูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมด ในขณะที่ปี 2017  BTC และ Ethereum ได้รับส่วนแบ่งตลาดเป็นมูลค่ารวมกันคิดเป็นเพียง 52% เท่านั้น  ซึ่งนี่บ่งชี้แล้วว่า BTC และ ETH ได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา

เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือ สถาบันการลงทุนที่มุ่งเน้นไปยัง Bitcoin เนื่องจากความปลอดภัยของเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานการขุดที่กว้างขวาง รวมถึงระบบนิเวศทางการเงินแบบกระจายอำนาจที่ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายของ Ethereum

นอกจากนี้แล้ว การเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาค DeFi  ยังมีส่วนช่วยผลักดันราคาของ Ethereum ให้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากระบบของ Defi นั้นจำเป็นต้องมีการโต้ตอบกับสัญญา Smart contract และเครือข่ายของ Ethereum อยู่ตลอดเวลา

โดยข้อมูลจาก defipulse เผยให้เห็นว่ามูลค่ารวมที่ถูกล็อคในโปรโตคอล DeFi ตอนนี้มีมูลค่าแตะจุดสูงุสดอยู่ที่ระดับ 29.98 พันล้านดอลลาร์