<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เว็บมืดที่ขายบัตรเครดิตเหยื่อประกาศปิดตัวลง หลังทำรายได้เป็น Bitcoin ไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เว็บไซต์แห่งหนึ่งนามว่า Joker’s Stash ที่หากินกับการนำเอาข้อมูลบัตรเครดิตของเหยื่อมาเพื่อขายแลกเป็น Bitcoin นั้นได้ออกมาประกาศปิดตัวลงอย่างถาวรเดือนหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขานั้นสร้างรายได้ไปกับอาชีพดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 3 หมื่นล้านบาทในรูปแบบ Bitcoin อ้างอิงจากรายงานของบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Gemini Advisory

เว็บดังกล่าวนั้นเปิดตัวขึ้นมาตั้งแต่ปี 2014 โดย Joker’s Stash นั้นได้สร้างตัวเองจากโจรขโมยบัตรเครดิตรายเล็ก ๆ กลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขายข้อมูลบัตรเครดิตเหยื่อรายที่ใหญ่ที่สุด โดยพวกเขานั้นมีคอนเนคชันที่เชื่อมต่อกับโจรขโมยบัตรเครดิตรายอื่น ๆ มากมาย โดยข้อมูลของเหยื่อที่พวกเขาขายนั้นรวมถึงตัวเลขบัตร, ที่อยู่ และข้อมูลของเหยื่ออื่น ๆ อีกด้วย โดยข้อมูลเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีคุณภาพมากที่สุดใน darknet เลยก็ว่าได้

ตลาดซื้อขายข้อมูลบัตรเครดิตของเหยื่อนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ตลาดเล็ก ๆ โดยรายงานจากปี 2019 เผยให้เห็นว่ามีบัตรที่ถูกขโมยมากว่า 76.2 ล้านใบถูกนำเข้าไปวางขายใน Darknet ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2019 จากนั้นช่วงครึ่งปีแรกของ 2020 นั้นเผยว่ามีบัตรที่ถูกขโมยไปจำนวน 43 ล้านใบถูกนำไปไว้บน Darknet ซึ่งข้อมูลเผยว่าบัตรส่วนใหญ่นี้ถูกนำไปซื้อขายบน Joker’s Stash

โดยพวกเขาได้มาโพสต์ประกาศเพื่อปิดตัวเอง โดยกล่าวว่า “Joker นั้นจะทำการเกษียณแล้ว และ Joker’s Stash นั้นก็กำลังปิดตัวลง มันเป็นเวลาที่เราจะจากไปตลอดกาลแล้ว”

โดยเป็นที่คาดการณ์ว่าพวกเขารับรายได้เป็น bitcoin รวมกันไปแล้วถึง 1 หมื่นล้านบาท และถูกนำไปแจกจ่ายให้กับเครือข่ายโจรที่เป็นผู้ขโมยข้อมูลบัตรเหล่านี้มา

ปัญหาก่อนปิดตัว?

แม้ว่าพวกเขาจะได้เงินเยอะมาขนาดนั้น แต่ก่อนหน้านี้ทาง Gemini Advisory เผยว่ามีผู้ใช้บริการเว็บรายหนึ่งที่เริ่มออกมาบ่นเกี่ยวกับข้อมูลบัตรที่ซื้อมาว่ามันมีคุณภาพที่ต่ำ เช่นมีจำนวนวงเงินที่ต่ำ หรือข้อมูลบัตรหลาย ๆ ใบนั้นไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งหลังจากนั้นความนิยมของเว็บ Joker’s Stash นั้นก็ค่อยเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม การสูญเสียลูกค้าของพวกเขานั้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องกังวล เมื่อก่อนหน้านี้ทาง FBI นั้นได้ทำการเข้ายึดโดเมน และ blockchain address ของพวกเขาเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลทำให้ผู้ให้บริการโดเมนของพวกเขานั้นต้องประสบปัญหาด้านกฎหมาย แต่ภายหลังจากนั้นทาง Joker’s Stash ก็ได้กลับมาเปิดให้บริการใหม่

หลังจากนั้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ทำ Joker’s Stash เผยว่าเขานั้นติดไวรัส COVID-19 และต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ส่งผลทำให้ยอดขายและความนิยมนั้นลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม จุดจบของ Joker’s Stash นั้นไม่ได้หมายความว่าธุรกิจตลาดมืดของบัตรเครดิตนี้จะจบลง โดยทาง Gemini Advisory กล่าวว่าเครือข่ายโจรที่เป็นผู้ขโมยบัตรเหล่านี้จะเปลี่ยนไปจับมือกับ dark web รายอื่นแทน