ในสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้ Bitcoin (BTC) จะพุ่งไปถึง $40,000 แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับราคาดังกล่าวไว้ได้ อีกทั้งยังมีความผันผวนที่ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นหรือร่วงลงอย่างรุนแรงได้อย่างต่อเนื่องทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักลงทุนในตลาด Future ถูกล้างพอร์ทไปเป็นจำนวนมากโดยมีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ในวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท Osprey Funds ได้เปิดให้มีการซื้อขาย Bitcoin แบบ Over-the-counter (OTC) โดยใช้ตัวย่อในตลาดเป็น OBTC ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดคริปโตหากการลงทุนนี้สามารถดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นได้
แต่ก็ต้องยอมรับว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าแม้ราคา BTC จะมีความผันผวนสูงแต่ก็ไม่สามารถขยับช่วงราคาที่มีการซื้อขายได้มากนัก ในขณะที่ Altcoin สามารถทำราคาได้ดีในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว Cointelegraph จึงขอแนะนำ 5 เหรียญที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้
Bitcoin (BTC)
สำหรับ Bitcoin นั้นได้มีการคาดการณ์ว่ายังในช่วงปรับฐานราคาโดยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอยู่ และมีการเข้าซื้อของนักลงทุนเมื่อราคา Bitcoin ร่วงลงมาแตะเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน (20-day Moving Average) อย่างต่อเนื่อง
ดัชนี RSI ยังบ่งชี้ให้เห็นด้วยว่าปัจจุบันยังคงมีกำลังซื้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากราคาสามารถพุ่งผ่านแนวราคาที่ก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมนี้ได้ จะทำให้ราคาพุ่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นได้มีการคาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งไปได้ถึง $41,950
แต่หากไม่สามารถฝ่าระดับราคานี้ไปได้อาจทำให้ราคาร่วงลงอย่างรุนแรง โดยอ้างอิงจาก Fib Retracement ที่ 38.2% จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับประมาณ $29,700 และหากกำลังซื้อที่เกิดขึ้นยังไม่มากเพียงพอที่จะทำให้ราคาดีดกลับมาได้นั้น อาจทำให้ราคาร่วงลงไปถึงเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันหรือระดับประมาณ $26,600 ได้
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่าราคาอาจปรับตัวไปในรูปแบบใด และได้มีการคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงอยู่ในแนวโน้มรูปสามเหลี่ยมนี้ประมาณ 2-3 วัน ก่อนที่จะมีการปรับตัวออกจากแนวสามเหลี่ยมนี้ในภายหลัง
Chainlink (LINK)
ในวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา LINK ได้พุ่งทะลุแนวต้านที่ระดับ $20.111 และได้ทำ All-Time High ในวันถัดมาอยู่ที่ระดับ $22.96 โดยได้มีการคาดการณ์เบื้องต้นว่าราคาอาจพุ่งต่อไปถึงระดับ $27 หรือ $30 ได้หากยังคงมีกำลังซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน และดัชนี RSI บ่งชี้ว่ากำลังเข้าใกล้ช่วงกำลังซื้อที่มากเกินไป (Overbought) หรือกล่าวว่าลักษณะราคายังคงเป็นรูปแบบขาขึ้นอยู่ แต่หากกำลังซื้อเกิดหดตัวลงอาจทำให้ราคา LINK ร่วงกลับลงมาโดยมีแนวรับอยู่ที่ $20.111 และ $17.777 ซึ่งหากทะลุทั้ง 2 แนวรับนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาในระยะยาวได้
แต่ในขณะเดียวกันดัชนี RSI จากกราฟราย 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงปัญหา Overbought ที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้อาจมีการปรับฐานราคาในช่วงระยะสั้นนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้มีกำลังซื้อเกิดขึ้นทุกครั้งที่ราคาร่วงลงมาแตะค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน อย่างต่อเนื่อง และหากสามารถคงระดับราคาที่ $21.571 อาจทำให้เกิดการปะทะกับแนวต้านใหม่อีกรอบหนึ่งในเร็ว ๆ นี้ และหากสามารถฝ่าแนวต้านไปได้จะทำให้ราคากลับเป็นขาขึ้นได้อย่างแน่นอน
Uniswap(UNI)
แม้ราคา Uniswap จะสามารถคงแนวโน้มขาขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดนั้นได้มีกำลังขายเกิดขึ้นเมื่อราคาไปแตะระดับ $9 อย่างสม่ำเสมอทำให้เกิดเป็นแนวต้านขนาดย่อม ๆ ขึ้นมา
โดยปัจจุบันมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันอยู่ที่ระดับ $6.15 โดยดัชนี RSI อยู่ในระดับ Overbought ซึ่งหากราคาของ UNI สามารถรักษาระดับราคาไม่ให้ร่วงลงต่ำกว่า 38.2% Fib Retracement ที่ระดับ $7.4725 อาจทำให้ราคากลับมาเป็นขาขึ้นต่อได้
โดยหากสามารถทะลุแนวต้าน $9.3776 อาจะทำให้ราคายังคงพุ่งต่อไปจนปะทะกับแนวต้านที่ระดับ $12.4597 ได้ แต่หากราคาร่วงลงต่ำกว่า $7.4725 ก็อาจทำให้ราคาเข้าสู่ช่วงขาลงได้เช่นกัน
โดยกราฟราย 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงระดับราคาที่กำลังมีการปรับฐานราคาเกิดขึ้นหลังการพุ่งขึ้นของราคาอย่างรุนแรง โดยมีกำลังซื้อและกำลังขายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ $8 และ $9 ตามลำดับ
Tezos (XTZ)
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา Tezos ยังคงมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ $1.85 ถึง $2.85 โดยล่าสุดได้มีแนวโน้มกำลังซื้อเกิดขึ้น และอาจส่งผลให้ราคากลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง แต่จากกราฟแท่งเทียนในวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มทิศทางราคายังคงไม่ชัดเจน
โดยได้มีคาดการณ์ว่าหากสามารถราคาสามารถพุ่งทะลุระดับ $2.85 ไปได้จะสามารถทำให้ราคาขาขึ้นกลับมาอีกครั้ง และอาจทำให้ราคาพุ่งไปถึงระดับ $3.90 และ $4.49 แต่หากราคาร่วงลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันอาจส่งผลให้แนวโน้มราคาดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่องได้ โดยจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน โดยหากยังทะลุแนวรับนี้ไปได้อาจบ่งบอกได้ว่าแนวโน้มราคาในปัจจุบันจะไม่สามารถรักษาระดับราคาไว้ได้
Cosmos (ATOM)
ราคาของ Cosmos ได้พุ่งผ่านแนวต้านที่ระดับ $8.877 เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาโดยทำ ATH ไว้ที่ระดับ $9.60 แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับราคาดังกล่าวไว้ได้ก่อนจะร่วงกลับลงไปที่ระดับราคา $8.877 อีกครั้ง
ซึ่งหากราคาร่วงลงต่อไปทะลุแนวรับตาม 61.8% Fib retractment ที่ระดับ $7.093 อาจทำให้โมเมนตัมของขาขึ้นสิ้นสุดลงได้ แต่หากสามารถรักษาระดับราคา $8.05 ไว้ได้อาจบ่งชี้ให้เห็นว่ายังคงมีกำลังซื้อหลงเหลืออยู่และอาจทำให้ราคากลับเป็นขาขึ้นต่อได้ โดยล่าสุดนั้นทั้งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และดัชนี RSI ยังบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่ยังเป็นขาขึ้นอยู่ และอาจเข้าปะทะกับแนวต้าน $8.877 ได้อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากสามารถฝ่าแนวต้านนี้และแนวต้านที่ระดับ $9.60 ไปได้อาจทำให้ราคาพุ่งสูงถึงระดับ $12.10
แต่อย่างไรก็ตามก็ควรระวังหากราคาร่วงลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันอาจทำให้ราคาร่วงต่อเนื่องไปจนถึงระดับ $7.50 หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันได้ไม่ยาก
ที่มา: cointelegraph