แม้ทุกคนจะทราบกันดีว่า Binance Smart Chain เป็นเครือข่าย Blockchain ที่ถูก Fork แยกออกมาจาก Ethereum แต่ถึงกระนั้นการทำธุรกรรมบน BSC ก็ดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าและมีอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า Ethereum Blockchain ด้วยเหตุนี้ BSC จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีผู้ใช้หลายล้านคนเข้าร่วมบนเครือข่าย โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้นาย Aditya Das จาก Brave New Coin ได้มีการพูดคุยกับนาย Andy ในช่อง Podcast เพื่อร่วมกันค้นหาคำตอบว่า Binance Smart Chain จะกลายมาเป็น Ethereum Killer ได้จริงหรือไม่ ?
ในระหว่างการพูดคุยบน Podcast นาย Aditya กล่าวว่า Binance Smart Chain มีค่าธรรมเนียมถูกและเร็วกว่า Ethereum สำหรับการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตามความเร็วนี้ต้องแลกมากับสิทธิ์ในการกระจายอำนาจที่ถูกลิดรอน โดยนาย CZ CEO ของ Binance ได้เรียกสิ่งนี้ว่า ‘CeDeFi’ หรือ Centralized DeFi
เนื่องด้วย Binance Smart Chain เป็นเครือข่าย Blockchain ที่ถูก Fork แยกออกมาจาก Ethereum มันจึงสามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือยอดนิยมอย่างเช่น MetaMask ได้ ซึ่งผู้ที่เคยใช้เครือข่าย Ethereum ก็คงจะคุ้นเคยกับเครืองมือดังกล่าวนี้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้มาตรฐานสัญญา Smart contract BEP20 สำหรับการออกโทเค็นใหม่บนเครือข่าย BSC ยังคล้ายคลึงกับมาตรฐานสัญญา Smart contract ERC20 ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับ Ethereum อีกด้วย และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Ethereum เครือข่าย BSC ยังสามารถเรียกใช้สัญญา Smart contract แบบเดียวกันกับที่ Ethereum สามารถทำได้ สิ่งนี้ช่วยให้เครือข่าย bootstrap ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการโคลนโปรโตคอล Ethereum DeFi ที่กำลังเป็นที่นิยม ยกตัวอย่างเช่น Uniswap กลายเป็น PancakeSwap, Compound กลายเป็น Venus และ Zapper กลายเป็น Yield Watch
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า Binance Smart Chain นั้นจะสามารถเข้ามาแทนที่ Ethereum Blockchain ได้ในที่สุด โดยก่อนหน้านี้ในปี 2020 นาย Riccardo Spagni อดีตหัวหน้านักพัฒนาของ Monero ระบุถึงความแตกต่างที่โดดเด่นระหว่าง Binance Smart Chain และการเป็น “Ethereum killer” ซึ่งจะลดทอนการครอบงำของ Ethereum (ETH) ในส่วนของ decentralized application (dApps) และ decentralized financial (DeFi)
ในช่วงเวลานั้นนาย Spagni มองว่า dApp ที่อยู่บนเครือข่าย Ethereum จำนวนมากต่างผิดหวังกับค่าธรรมเนียม Ethereum (ETH) ที่มหาศาล จะอพยพไปใช้ Binance Smart Chain แทน ซึ่งกระบวนการนี้จะได้รับแรงจูงใจทางการเงินจากสิ่งที่เขาเรียกว่า “Binance money”