ข้อมูลจากผู้ให้บริการวิเคราะห์ออนไลน์เปิดเผยว่า มีการย้ายเหรียญ Ethereum ออกจากระบบการเงินแบบ Centralized Finance (CeFi) เข้าสู่ระบบเงินแบบ Decentralized Finance (DeFi) เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แผนภูมิจาก Glassnode แสดงให้เห็นว่าจำนวนเหรีญ ETH มีการย้ายออกที่มากขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และปัจจุบันมีเหรียญ ETH ที่ถูกล็อคไว้ใน Smart Contracts มีปริมาณมากกว่าที่มีเหรียญที่อยู่ในระบบ CeFi เกือบสองเท่า ซึ่งเหรียญ ETH จำนวน 4.4 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 3.8% ของอุปทานทั้งหมดจะถูกล็อคไว้จนกว่าจะถึงเฟส 1.5 ที่มีการรวม Ethereum Chains ทั้งสองเข้าด้วยกันในปีหน้า
และข้อมูลจาก Glassnode ยังรายงานว่าปริมาณ ETH ในตลาดซื้อขายได้ลดลง 30% ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นยอดดุลต่ำสุดในรอบสองปีของตลาด CeFi กลับกัน ETH จำนวน 26 ล้านเหรียญหรือ 23% ของอุปทาน มีการถือครองอยู่ในระบบ DeFi และ Smart Contracts อื่น ๆ
ผู้ร่วมก่อตั้ง EthHub อย่างนาย Anthony Sassano ได้ระบุว่าเหรียญ ETH จำนวน 10 ล้านเหรียญที่ถูกล็อคไว้ในระบบ DeFi มีประมาณ 6.6 ล้านเหรียญที่ถูกใช้เป็นหลักประกันและไม่ได้มีการซื้อขายในโปรโตคอลตลาดการเงินอย่าง Maker, Aave และ Compound
ในขณะที่เหรียญ ETH อีก 2.4 ล้านเหรียญถูกใช้เป็นคู่สินทรัพย์โดยผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) ส่วน ETH ที่เหลือถูกเก็บไว้ใน Smart Contract Wallets อย่าง Gnosis Safe ที่ได้ถือครอง ETH อยู่ 1.8 ล้านเหรียญ
Sassano สรุปว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เห็น ETH ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในระบบ DeFi ซึ่งมันจะเพิ่มอุปสงค์และตอบแทนผู้ถือครอง Ethereum ได้มากกว่าการแลกเปลี่ยนแบบ CeFi
“โดยรวมแล้วมันเป็นเรื่องที่ดี ที่ได้เห็น ETH ถูกนำมาใช้และสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนทั่วไปที่ถือครองมัน แทนที่จะถูกใช้ระบบการเงินที่ถูกควบคุมจากศูนย์กลาง” Sassano กล่าว
ในขณะที่เขียนข่าวนี้ ETH มีการซื้อขายลดลงจากเมื่อวาน 5% ที่ระดับราคา 3,920 ดอลลาร์ตามข้อมูลจาก CoinGecko